ฤดูฝนมาพร้อมกับชุ่มชื่นและความชื้นแฉะ แม้จะดีต่อใจเพราะช่วยคลายความร้อน (ทางกาย) ลงได้มาก แต่ความชื้นที่เพิ่มมากขึ้นนี้เองที่กลับเปิดโอกาสให้เชื้อโรคหลายๆ ชนิด เติบโตและแพร่กระจายได้มากขึ้นไปด้วย อีกทั้งในฤดูฝนอากาศยังค่อนข้างเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน เดี๋ยวหนาว ร่างกายจึงอาจปรับสภาพไม่ทันและเกิดอาการเจ็บป่วยในที่สุด ดังนั้นการดูแลสุขภาพให้ดีเพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ป่วย หรือตกเป็นเหยื่อของเชื้อโรคต่างๆ จึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด บทความนี้จะพาไปรู้จัก 9 วิธีดูแลสุขภาพในฤดูฝนที่คุณควรอ่านก่อนป่วย
5 กลุ่มโรคติดต่อยอดฮิตในฤดูฝน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประกาศเตือน 5 กลุ่มโรคติดต่อที่มักเกิดขึ้นในหน้าฝน ได้แก่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- กลุ่มโรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ ไทฟอยด์ บิด เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ และบี
- กลุ่มโรคติดต่อขอบระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ หวัด หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ
- กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุง ได้แก่ ไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบเจอี โรคมาลาเรีย
- กลุ่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผล หรือเยื่อบุผิวหนัง ได้แก่ โรคไข้ฉี่หนู หรือแลปโตสไปโรซิส
- กลุ่มโรคเยื่อบุตาอักเสบ หรือโรคตาแดง
9 วิธีดูแลสุขภาพในฤดูฝน
1. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร
ในแต่ละวันเราควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร ควรเป็นน้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำอุ่น เพื่อให้รักษาสมดุลของร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ควบคุมระดับอุณหภูมิของร่างกายให้ปกติ น้ำช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายไม่ขาดน้ำ และสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้ผิวหนังเพื่อลดโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ไม่เป็นหวัดได้ง่ายอีกด้วย
2. นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
สำหรับวัยผู้ใหญ่ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้ดีขึ้น อย่านอนดึก เพราะยิ่งนอนดึกยิ่งลดโอกาสการหลั่งของโกร๊ธฮอร์โมน (ฮอร์โมนแห่งความอ่อนเยาว์) ลงมากเท่านั้น อีกทั้งการนอนดึกยังทำให้อวัยวะที่ทำหน้าที่กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย เช่น ตับ ไต ทำงานได้มีประสิทธิภาพน้อยลง ส่งผลให้มีสารพิษคั่งค้างในร่างกายมาก แต่หากเป็นคนนอนหลับยากแนะนำให้รับประทานกล้วยเพราะมีสาร ทริปโตเฟน ทำให้นอนหลับง่ายขึ้น
3. ออกกำลังกายเป็นประจำ
ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-4ครั้ง เพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันโรค ร่างกายที่แข็งแรงย่อมห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ
4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอาหารที่ปรุงสุกใหม่
ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะผักและผลไม้สดที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายแข็งแรง และยับยั้งการเกิดโรคได้ อาหารที่มีฤทธิ์ร้อนเพื่อเพิ่มความอบุ่นให้ร่างกาย เช่น ขิง ข่า กระเทียม พริกไทย ดอกดีปลี ตะไคร้ นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลชีพที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารที่ลำไส้ ทำให้มีอาการท้องเสีย มีไข้ ปวดบิดในท้อง รวมทั้งป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอและบี ซึ่งสามารถติดต่อได้จากอาหารที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัสด้วยเช่นกัน เวลารับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นควรใช้ช้อนกลางทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดต่อของโรค
5. ดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ เป็นประจำ
ในวันที่ฝนตก อากาศเย็น ความชื้นสูง ควรเลือกดื่มชาสมุนไพรอุ่นๆ เป็นประจำเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ต้านการอักเสบ แก้หวัด แก้เจ็บคอ ป้องกันการติดเชื้อโรคได้ เช่น ชาดอกคาโมมายล์ ชาเขียว ชาตะไคร้หอม ชาน้ำขิงมะนาว
6. พกหมวก ร่ม เสื้อกันฝน และรักษาร่างกายให้แห้งเสมอ
อย่าลืมพกพาร่มและเสื้อกันฝนเพื่อไม่ให้ร่างกายเปียกฝน จะสามารถลดการอับชื้นและการสะสมเชื้อราอันเป็นสาเหตุของการไม่สบายตัวและนำไปสู่การเป็นหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ได้ นอกจากนี้แนะนำให้เลือกสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบางเบา สามารถระบายอากาศได้ดี เนื้อผ้าไม่หนาจนเกินไปและไม่บางมากจนเกินไปเพราะหากเปียกฝนจะทำให้แห้งง่าย เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเสมอ มีภูมิต้านทานได้ดี ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคปอดบวม โรคทางผิวหนัง อย่างไรก็ดี หลังจากเปียกฝนมาใหม่ๆ ควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออกทันที เช็ดผมให้แห้งเพื่อให้ร่างกายเกิดความอบอุ่น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
7. ไม่ควรเข้าไปในพื้นที่ชื้นแฉะและมีน้ำท่วมขัง
ในพื้นที่ที่ชื้นแฉะมีน้ำท่วมขังนับว่าเป็นจุดก่อตัวของปรสิตและเชื้อโรคนานาชนิด ปรสิตที่น่ากลัว เช่น พยาธิปากขอ ซึ่งหากเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปอยู่ในลำไส้เล็กเพราะดูดกินเลือด และเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคโลหิตจาง พยาธิใบไม้เลือด ซึ่งหากเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปอยู่ในช่องท้อง ทำให้ปวดท้อง อจจาระเป็นมูกเลือด ตับม้ามโต พยาธิสตรองจีลอยด์ ซึ่งหากเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปอยู่ในปอด ลำไส้เล็ก ที่น่ากลัวคือสามารถอยู่ในร่างกายได้นานเป็นสิบๆ ปี แพร่พันธุ์ได้ง่าย มีผลต่อร่างกายทำให้อ่อนแอลง ติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตในที่สุด ดังนั้นควรสวมใส่รองเท้าทุกครั้งเพื่อป้องกันปรสิตเหล่านี้ชอนไชเข้าสู่ร่างกาย
ส่วนเชื้อโรคที่พบมาก เช่น เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคเลปโตสไปโรซิส หรือโรคฉี่หนู ซึ่งอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ เชื้อแบคทีเรียวิบริโอ (Vibrio) และแอโรโมเนส (Aeromonas) ซึ่งก่อให้เกิดการติดเชื้อที่เป็นตุ่มน้ำบวมแดง ทั้งนี้หากผิวหนังมีบาดแผลเปิด แผลถลอก หรือมีรอยขีดข่วน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นที่น้ำท่วมขังอย่างเด็ดขาด หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น รองเท้าบู๊ทยาง ถุงมือยาง
8. ป้องกันไม่ให้ยุงกัด
เพราะในช่วงฤดูฝนมีหลายโรคที่ยุงเป็นพาหะออกระบาด เช่น ไข้เลือดออกมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ไข้สมองอักเสบเจอี (Japanese Encephalitis) ซึ่งมียุงรำคาญเป็นพาหะนำโรค โรคมาลาเรียที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค โรคเหล่านี้อาจรุนแรงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นจึงทางที่ดีที่สุดควรป้องกันไม่ให้ยุงกัดได้วยการทายา หรือโลชั่นกันยุง นอนกางมุ้ง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่อับชื้น มืด เพราะยุงชอบ กำจัดแหล่งน้ำขังในบ้านให้หมดเพราะเป็นที่ฟักตัวชั้นดีของยุงชนิดต่างๆ ได้นั่นเอง
9. ใช้น้ำมันยูคาลิปตัส
เมื่อคัดจมูก หรือหายใจไม่สะดวก ควรใช้น้ำมันยูคาลิปตัส (Eucalyptus essential oil) เพราะในน้ำมันยูคาลิปตัสมีคุณสมบัติช่วยระบบทางเดินหายใจดีขึ้น ลดเสมหะ ลดสารพิษและจุลินทรีย์อันเป็นสาเหตุการก่อให้เกิดโรคในร่างกายได้ จึงมีฤทธิ์ทั้งในการรักษาและการป้องกันโรคนั่นเอง วิธีใช้สำหรับแก้อาการหวัดให้หยดน้ำมันยูคาลิปตัสลงก้านไม้หอมปรับอากาศเพื่อสูดดมในห้องนอน
แค่หมั่นดูแลสุขภาพเป็นประจำและสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะฤดูฝน หรือฤดูไหนๆ รับรองว่า คุณจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมากวนใจแล้ว อีกอย่างหนึ่งหากจะเพิ่มทางเลือกดูแลสุขภาพด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไว้ก่อนก็จะดีไม่น้อยโดยเฉพาะวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดสี่สายพันธุ์ซึ่งจะระบาดมากขึ้นในช่วงฤดูฝน