ผู้ที่เป็น "โรคภูมิแพ้" ร่างกายจะไวต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ควัน หรืออาหาร มากกว่าคนปกติทั่วไป อาจทำให้เกิดอาการไอ จาม หอบ น้ำตาไหล หรือน้ำมูกไหลได้
หากเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ เมื่อเกิดอาการแพ้ยังสามารถแจ้งให้ผู้อื่นทราบได้ แต่หากเกิดในทารกที่ยังไม่สามารถสื่อสารได้ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้ จึงเป็นหน้าที่สำคัญของพ่อแม่ หรือผู้ที่คอยดูแลทารกจะต้องเป็นผู้สังเกต “อาการภูมิแพ้ในทารก” เอง
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
รู้จักอาการภูมิแพ้ในทารก
อาการแพ้ของทารกส่วนมากมักเกิดจาก “อาหาร” เป็นหลัก เช่น อาหารทะเล นมวัว นมถั่วเหลือง ไข่ แป้งสาลี หรือถั่วลิสง เพราะกระเพาะอาหารและลำไส้ของทารกยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต สามารถดูดซึมสิ่งต่างๆ ได้ดี ทำให้สารก่อภูมิแพ้ในอาหารถูกดูดซึมได้ง่าย
เมื่อสารก่อภูมิแพ้ถูกดูดซึมผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้เข้าไปในร่างกาย จะไปกระตุ้นกลไกของการเกิดภูมิแพ้ในทารก ส่งผลให้ระบบทางเดินอาหารเกิดปฏิกิริยาต่อต้านกลายเป็นโรคภูมิแพ้นั่นเอง
นอกจากนี้ “สิ่งแวดล้อม” ก็ยังมีส่วนที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนสัตว์ รวมไปถึงมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือควันบุหรี่ การรักษาความสะอาด และหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงหกเดือนแรกหลังคลอด
หากทารกได้รับการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ภายในช่วงหกเดือนแรกหลังคลอด และทำให้เกิดอาการแพ้ ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะสร้างกลไกป้องกันโรคภูมิแพ้ขึ้น อย่างไรก็ตามหากสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ในภายหลังก็อาจเกิดอาการแพ้ได้อยู่ดี
การถ่ายทอดโรคภูมิแพ้ผ่านทางกรรมพันธุ์
- โรคภูมิแพ้สามารถถ่ายทอดผ่านทางกรรมพันธุ์ได้
- หากพ่อ หรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้คนใดคนหนึ่ง ลูกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ 50% แต่ถ้าพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ทั้งคู่ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ถึง 70%
- ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จากกรรมพันธุ์อาจไม่สำแดงอาการจนกว่าจะได้รับการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้
- สำหรับทารกที่มีอาการของโรคภูมิแพ้ปรากฏให้เห็น หากได้รับการดูแลและรักษาที่เหมาะสม ไม่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้บ่อยๆ ก็อาจทำให้หายจากโรคภูมิแพ้ได้
ลักษณะอาการภูมิแพ้ในทารก
ลักษณะอาการภูมิแพ้ในทารกคล้ายกับอาการภูมิแพ้ในผู้ใหญ่คือ จะแสดงอาการผ่านระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ หรือระบบทางเดินอาหาร สามารถสังเกตอาการแพ้ที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้
- อาการแพ้ในระบบผิวหนัง ผื่นคัน ผดร้อน ผิวหนังแห้ง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และแก้ม หรืออาจมีอาการผื่นลมพิษ
- อาการแพ้ในระบบทางเดินหายใจ อาจเป็นหวัดง่ายกว่าปกติ หรือเป็นหวัดเรื้อรัง มีอาการจามน้ำมูกไหลในตอนเช้า หรือไอในบางเวลา เช่น ขณะเล่น ช่วงเวลากลางคืน หรือช่วงเวลาที่อากาศเปลี่ยน
- อาการแพ้ในระบบทางเดินอาหาร ริมฝีปากบวม มีผื่นคันรอบปาก คลื่นไส้ อาเจียน แหวะนมบ่อย ท้องอืด ถ่ายเหลว หรือมีมูกเลือดปนในอุจจาระ
เมื่อสังเกตเห็นอาการแพ้ในทารกให้ลองหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้เกิดภูมิแพ้ดู เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก หรือนมวัว และให้ความสำคัญกับความสะอาดภายในบ้านมากขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แต่หากหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้แล้วอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้ “ปรึกษาแพทย์” เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง
อาการของโรคภูมิแพ้จะเปลี่ยนแปลงตามอายุ
- อาการของโรคภูมิแพ้จะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ เพราะอวัยวะต่างๆ เจริญเติบโตขึ้น มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของแต่ละคนด้วย
- หากเด็กถูกกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้เป็นประจำ อาจพัฒนาจนกลายเป็นโรคแพ้อากาศ หรือโรคหอบ หรืออาจเป็นทั้งสองโรคในเวลาเดียวกันได้
- เด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจจำนวน 30-50% เมื่อโตเป็นวัยรุ่นอาการแพ้จะดีขึ้น เนื่องจากหลอดลมขยายใหญ่ขึ้น และปอดเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงนี้หากรักษาอย่างต่อเนื่องก็มีโอกาสที่จะหายขาดได้
- ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ไม่รักษาให้หายขาดจะยังเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ แม้จะไม่แสดงอาการก็ตาม หากไม่ควบคุมอาการของโรคให้ดีก็อาจทำให้อาการแย่ลงได้
ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นภูมิแพ้?
- หากทารกมีอาการภูมิแพ้ ควรรีบป้องกัน และรักษา โดยหาสาเหตุให้พบ และหลีกเลี่ยงสาเหตุนั้น
- ทารกควรได้รับนมแม่ในช่วงหกเดือนแรกหลังคลอด เพื่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดี
- วิธีรักษาอาการภูมิแพ้ที่ดีที่สุดคือ “การป้องกัน” โดยเฉพาะทารกที่เกิดในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ ควรเริ่มป้องกันตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ โดยมารดาต้องหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่รอบตัว เช่น ไรฝุ่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ และสัตว์ที่มีขน
ปัจจัยในการพิจารณาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้มีมากมาย ทั้งอาหารการกิน และสภาพแวดล้อมต่างๆ หากควบคุมไม่ดี ได้รับการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้บ่อยๆ อาการแพ้จะรุนแรงมากขึ้น แม้ทารกจะเติบโตขึ้นแล้วก็ตาม
ผู้ปกครองต้องให้ความสำคัญในการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ โดยเฉพาะในช่วงหกเดือนแรกหลังคลอด ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง
อย่างไรก็ตามโรคภูมิแพ้นั้น หากควบคุมได้ดีก็จะสามารถบรรเทาอาการจนกระทั่งหายขาดได้ แต่หากได้รับการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ก็อาจทำให้อาการแพ้กำเริบได้อีกเช่นกัน ฉะนั้นผู้ที่มีประวัติโรคภูมิแพ้จะต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดีอย่างต่อเนื่อง
ดูแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android