โรคไต (Kidney disease) คือโรคที่ไตเกิดความเสียหายจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้มีน้ำและของเสียที่ไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะได้คั่งค้างอยู่ในร่างกาย เป็นผลให้อวัยวะในระบบอื่นๆ ทำงานผิดปกติไปด้วย โรคไตจะมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดภาวะไตวายได้ หากไม่ได้รับการฟอกไต หรือปลูกถ่ายไตได้ทันเวลา
โรคไตแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
ตรวจไต ฟอกไต รักษาโรคไต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 50 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- โรคไตวายเฉียบพลัน (Acute kidney disease) เกิดจากไตขาดเลือดไปเลี้ยงกะทันหัน เช่น ภาวะมีเลือดออกมาก ภาวะขาดน้ำ หัวใจล้มเหลว ซึ่งพบได้ค่อนข้างน้อย
- โรคไตวายเรื้อรัง (Chronic kidney disease) พบบ่อยในวัยกลางคนจนถึงผู้สูงอายุ มีปัจจัยเสี่ยงมาจากโรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง โรคนิ่วไต เป็นต้น
อาการเริ่มแรกของโรคไตวายเรื้อรังมีอะไรบ้าง?
โรคไตวายเรื้อรังระยะเริ่มแรกมักไม่แสดงอาการเนื่องจากไตยังเกิดความเสียหายน้อย ไตจึงยังทำงานได้ใกล้เคียงกับไตปกติ คนที่เป็นโรคไตส่วนใหญ่จึงมักไม่รู้ตัวและไม่ได้รักษา แต่เมื่อไตเกิดความเสียหายมากขึ้น จะเริ่มมีอาการผิดปกติแสดงให้เห็น ซึ่งมักเป็นอาการที่ไม่จำเพาะกับโรคมากนัก ได้แก่
- นอนไม่หลับ เนื่องจากไตไม่สามารถขับของเสียและสารพิษในร่างกายออกไปได้ตามปกติ เมื่อมีสารพิษคั่งค้างในเลือด ภาวะโลหิตจาง ภาวะอัลบูมินในเลือดต่ำ มีอาการคัน อาการปวดกระดูก และภาวะซึมเศร้า จะทำให้เรานอนหลับยากกว่าปกติ และพักผ่อนไม่เพียงพอ
- เหนื่อยง่าย และปวดหัวบ่อยๆ ไตมีอีกหน้าที่หนึ่งที่สำคัญ คือ การผลิตฮอร์โมน Erythropoietin (EPO) สำหรับสร้างเม็ดเลือดแดง ดังนั้นหากไตเสียหายจนผลิตฮอร์โมนได้น้อยลง การสร้างเม็ดเลือดแดงจะน้อยลง การขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ จึงไม่เพียงพอ และผู้ป่วยบางคนอาจเกิดภาวะโลหิตจางได้
- ผิวหนังแห้งและคัน ไตมีบทบาทในการขับน้ำและแร่ธาตุออกทางปัสสาวะเพื่อให้ภายในร่างกายเกิดสมดุล แต่หากไตพัง สมดุลน้ำ และแร่ธาตุในร่างกายจะแปรปรวนไปด้วย ทำให้ผิวหนังเริ่มแห้งเหี่ยว ขาดน้ำ และมีอาการคันได้
- มีกลิ่นปาก เมื่อมีของเสียคั่งค้างในร่างกายมาก อาจส่งผลให้เกิดกลิ่น หรือรสชาติแปลกๆ ในปากได้เช่นกัน และทำให้อาหารที่รับประทานมีรสชาติเปลี่ยนไปด้วย
จะเห็นได้ว่า อาการเหล่านี้อาจพบในโรคอื่นๆ ได้เหมือนกัน ทำให้ผู้ป่วยหลายคนที่มีอาการอาจไม่คิดถึงโรคไตเลยก็ได้ แต่เมื่อโรคดำเนินสู่ระยะต่อไป อาการของโรคไตจะชัดเจนขึ้น ได้แก่
- ปัสสาวะผิดปกติ เช่น มีปริมาณมากหรือน้อย หรือไม่มีปัสสาวะเลย บางรายอาจมีปัสสาวะขุ่น สีเข้ม เป็นฟอง มีเลือดปน หรือบางรายอาจมีปัสสาวะใสเหมือนน้ำ หากพบว่า ลักษณะของปัสสาวะผิดแปลกไปจากเดิม นั่นเป็นสัญญาณว่าไตกำลังมีปัญหา
- คลื่นไส้ อาเจียน เนื่องจากมีของเสียในร่างกายมาก
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เกิดจากกลิ่นและรสแปลกๆ ในปาก ทำให้รสชาติอาหารเปลี่ยนไป
- มือ เท้า ทั้งสองข้าง และรอบดวงตาบวม ลักษณะกดแล้วผิวหนังบุ๋มลงไป (pitting edema) เป็นผลมาจากร่างกายไม่สามารถขับน้ำและโซเดียมออกได้ จึงมีน้ำคั่งค้างอยู่ภายนอกเซลล์ปริมาณมาก
- ซีด เป็นผลสืบเนื่องมาจากไตผลิตฮอร์โมน erypoietin (อีริพอยอีติน) ได้น้อยลง ฮอร์โมนนี้หน้าที่ในการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง หากไตเสื่อมเรื้อรังจะสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยลงทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง หรือภาวะซีดนั่นเอง หากมีการสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยมากก็อาจพบภาวะซีดได้
วิธีตรวจโรคไตวายเรื้อรัง
การวินิจฉัยโรคไตทำได้โดยการตรวจดูการทำงานของไตร่วมกับการตรวจร่างกาย ดูอาการ และซักประวัติ การตรวจการทำงานของไตจะเจาะเลือดและเก็บปัสสาวะเพื่อวิเคราะห์ระดับ Creatinine, BUN ปริมาตรปัสสาวะรวมถึงชนิดสารที่ปนมากับปัสสาวะ และนำมาคำนวณ อัตราการกรองของไต (Glomerular filtration rate; GFR) ซึ่งหากอัตราการกรองน้อยลง แสดงว่า ไตทำงานได้น้อยลง นอกจากนี้ยังต้องวิเคราะห์ระดับแร่ธาตุในเลือด เพื่อดูว่า อยู่ในภาวะสมดุลหรือไม่ รวมถึงการตรวจคุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของปัสสาวะด้วย