เนื้อสัตว์ทุกชนิดมี "โปรตีน" เป็นส่วนประกอบหลัก โปรตีนเป็นสารอาหารที่ช่วยในการเสริมสร้าง ซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ ช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค ทุกคนจึงมีความจำเป็นต้องรับประทานโปรตีนซึ่งมีอยู่ในเนื้อสัตว์และในพืช ผัก ธัญพืช ทุกชนิด เพียงแต่โปรตีนในพืชจะมีคุณภาพต่ำกว่าเนื้อสัตว์
ทำไมจึงต้องควบคุมโปรตีน
เมื่อร่างกายได้รับเนื้อสัตว์เข้าไปจะเกิดการย่อยและดูดซึมผ่านทางกระเพาะอาหารและลำไส้ ร่างกายจะนำสารอาหารที่จำเป็น เช่น กรดอะมิโน ที่ได้จากการย่อยไปใช้ประโยชน์ต่อ ส่วนที่ร่างกายไม่ต้องการจะส่งไปที่ไตเพื่อขับทิ้งออกมาในรูปแบบปัสสาวะ ผู้ป่วยโรคไตซึ่งไตมีปัญหาในเรื่องการกรองของเสียจึงต้องใส่ใจการรับประทานอาหารประเภทโปรตีนทั้งจากเนื้อสัตว์และพืชมากเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ไตทำงานหนักเกินไปและช่วยชะลอความเสื่อมของไตให้ช้าลง
การควบคุมปริมาณโปรตีนในอาหารควรเริ่มตั้งแต่มีไตวายเรื้อรังระยะแรกๆ (ระดับครีอะตินีนในเลือด 1.5-2 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) ซึ่งจะสามารถชะลอความเสื่อมของไตได้ดีกว่าเมื่อไตสูญเสียหน้าที่ไปมากแล้ว โดยจำกัดให้ได้รับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ประมาณ 1 1/2 ช้อนกินข้าว ต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัมต่อวัน เช่น ถ้า น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม จะรับประทานเนื้อสัตว์ได้เพียง 7-8 ช้อนกินข้าวตลอดทั้งวัน
ตรวจไต ฟอกไต รักษาโรคไต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 50 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
นอกจากโซเดียมที่เป็นตัวการสำคัญของโรคไตและการเกิดความดันโลหิตสูงแล้ว ยังมีฟอสฟอรัสอีกอย่างที่จะทำให้อาการของโรคไตแย่ลง เนื่องจากเมื่อไตกำลังเสื่อมก็จะมีความสามารถในการกรองเอาสารอาหารประเภทฟอสฟอรัสออกมาได้น้อยลงไปด้วย โปรตีนส่วนใหญ่มีแร่ธาตุฟอสฟอรัสสูง ฉะนั้นหมายความว่า ยิ่งรับประทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสเข้าไปมากเท่าไรก็จะสะสมอยู่ในร่างกายมากขึ้นเท่านั้น ทั้งที่จริงๆ แล้ว คนที่ไตทำงานปกติ ไตจะกรองเอาสารอาหารที่เกินความจำเป็นต่อร่างกายออกให้ได้ คราวนี้เมื่อกำจัดพอฟอสฟอรัสออกไปไม่ได้จึงทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
อาหารจากเนื้อสัตว์ที่ควรหลีกเลี่ยง
1. เนื้อสัตว์ที่มีไขมันประเภทคอเลสเตอรอลมาก ได้แก่ ไข่แดง เครื่องในสัตว์ หนังหมู หนังไก่ เนื้อติดมัน ซึ่โครงหมูติดมัน คอหมูย่าง หมูหัน เป็ดปักกิ่ง หมูสามชั้น หมูกรอบ เป็ดย่าง ห่านพะโล้ ไข่ปลา
2. เนื้อสัตว์บางประเภทที่มีคุณค่าทางอาหารต่ำ ทำให้ไตต้องทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์เพื่อขับถ่ายเอาของเสียออก ได้แก่ เอ็นหมู เอ็นวัว ข้อไก่ คากิ หูฉลาม ตีนเป็ด ตีนไก่ กระดูกอ่อน
3. เนื้อสัตว์ที่รับประทานทั้งเปลือก หรือกระดูก เช่น ตั๊กแตน จิ้งหรีด กบ หรือเขียดย่างพร้อมกระดูก ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง เนื่องจากมีฟอสฟอรัสจำนวนมาก
ตัวอย่างอาหารจากเนื้อสัตว์ที่รับประทานได้
- ไก่ย่าง ไก่อบ
- หมูปิ้ง หมูอบ
- เนื้อสันในย่าง อบ
- ปลาต่างๆ ปลาย่าง ปลานึ่ง ปลาเผา
- กุ้งนึ่ง กุ้งเผา กุ้งลวก
- ไข่ขาวต้ม ไข่ขาวทอดในน้ำ ไข่ขาวเจียวในน้ำ ไข่ขาวตุ๋น
ฉะนั้นผู้ป่วยโรคไตจึงควรรับประทานเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนสูงในปริมาณที่เหมาะสม ปริมาณโปรตีนที่แนะนำคือ 0.6-0.8 กรัม ต่อน้ำหนักตัวที่เหมาะสม 1 กิโลกรัม หรือขึ้นอยู่กับระยะของโรค และควรเลือกรับประทานโปรตีนคุณภาพสูง ได้แก่ เนื้อปลา โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เนื่องจากมีไขมันต่ำและยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง รวมทั้งไข่ขาว เนื้อหมู เนื้อไก่ (ไม่ติดหนัง-มัน) นมไขมันต่ำ เป็นต้น แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์แปรรูป และเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง
สาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคไตมาจากพฤติกรรมการบริโภคของตัวเราเอง ดังนั้นการป้องกันโรคไตจึงเริ่มต้นได้จากการดูแลเรื่องการรับประทานอาหารให้ถูกต้องเช่นเดียวกับการดูแลผู้ป่วยโรคไต นอกจากจะต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อรับการรักษาด้วยการใช้ยา หรือรับการรักษาด้วยเครื่องฟอกไตแล้ว ก็ต้องให้ความใส่ใจเรื่องอาหารการกินให้มากเช่นเดียวกัน