เลือดออกทางช่องคลอดระหว่างรอบเดือน เป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้หญิงช่วงวัยเจริญพันธุ์ แต่ละคนก็มีลักษณะและสาเหตุการเกิดแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าสาเหตุบางอย่างจะสามารถรักษาได้ง่าย แต่บางสาเหตุก็อาจแสดงว่า มีโรคที่ร้ายแรงได้ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามหากคุณสังเกตเห็นเลือดที่ออกกะปริบกะปรอย หรือเลือดออกมาในช่วงระหว่างรอบเดือนควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
สาเหตุที่อาจทำให้เกิดเลือดออกทางช่องคลอดระหว่างรอบเดือน
เด็กผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 12-13 ปี ส่วนมากรอบเดือนนั้นจะอยู่ที่ 21-35 วันต่อรอบ ปกติจะมาครั้งละ 2-8 วัน โดยทั่วไปเลือดประจำเดือนจะมีปริมาณไม่เกิน 80 ซีซี และใช้ผ้าอนามัยวันละประมาณ 3 - 4 ผืน ผู้หญิงจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเมื่ออายุประมาณ 45-55 ปี ดังนั้นเลือดที่ออกนอกเหนือจากรอบเดือนปกติและช่วงอายุดังกล่าวนั้น ไม่ว่าจะออกกระปริบประปรอย ออกเพียงปริมาณน้อยนิด หรือออกปริมาณมาก ถือว่า "ผิดปกติ" ทั้งนั้น และอาจจะเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้เช่น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
1. ระดับฮอร์โมนผิดปกติ หรือไม่สมดุล
ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโพรเจสเตอโรนนั้นเป็นฮอร์โมน 2 ตัวที่ควบคุมรอบเดือน คุณอาจจะมีเลือดออกกะปริบกะปรอยได้หากฮอร์โมนทั้ง 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน สาเหตุต่อไปนี้สามารถส่งผลต่อสมดุลของฮอร์โมนได้
- รังไข่ไม่ทำงาน
- ปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
- เริ่ม หรือหยุดใช้ยาคุมกำเนิด
- อาจกินยาสมุนไพรบางอย่างที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น กวาวเครือ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้
- ผู้หญิงในวัยที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือน เช่น อายุ 13 ปี หรือวัยใกล้หมดประจำเดือน เช่น อายุ 49 ปี มักมีภาวะฮอร์โมนแปรปรวน
- ผู้หญิงบางคนอาจมีเลือดออกระหว่างตกไข่ จากการที่มีฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
- การเริ่มใช้ยาคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด ยาฉีดหรือยาฝังคุมกำเนิด มักจะมีเลือดออกผิดปกติได้ในช่วง 3 เดือนแรก
2. ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์
พบในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ตั้งครรภ์อาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ รวมทั้งมีโกาสแท้งและการตั้งครรภ์นอกมดลูก แต่การที่มีเลือดออกกะปริบกะปรอยในระหว่างที่ตั้งครรภ์นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังจะแท้ง อย่างไรก็ตาม หากกำลังตั้งครรภ์และมีเลือดออกทางช่องคลอดควรไปพบแพทย์
3. เนื้องอกในโพรงมดลูก
เนื้องอกในโพรงมดลูกนั้นเป็นเนื้องอกที่เป็นเนื้อดีที่เกิดขึ้นในโพรงมดลูก ภาวะนี้นั้นพบได้ไม่บ่อยในผู้หญิงที่ผ่านการคลอดลูก
4. การติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ผู้หญิง
เลือดออกทางช่องคลอดระหว่างรอบเดือนอาจจะแสดงถึงการติดเชื้อของอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิง เช่น ปากมดลูด เยื่อบุโพรงมดลูก ได้ ซึ่งการติดเชื้อนั้นจะทำให้เกิดการอักเสบ มีบาดแผล และมีเลือดออก ตัวอย่างการติดเชื้อที่พบบ่อย เช่น
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- การสวนล้างช่องคลอด
- การมีเพศสัมพันธ์
5. มะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์ผู้หญิง
มะเร็งของอวัยวะเหล่านี้สามารถทำให้มีเลือดออกได้
- ปากมดลูก
- เยื่อบุโพรงมดลูก
- ช่องคลอด
- มดลูก
- รังไข่
ที่พบได้บ่อย เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
6. สาเหตุที่พบได้น้อย
สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดเลือดออกทางช่องคลอดได้แต่พบน้อยประกอบด้วย
- การใส่อุปกรณ์เข้าไปในช่องคลอด
- ความเครียดอย่างรุนแรง เช่น ใกล้สอบ นอนดึก มีปัญหาเกี่ยวกับงาน ปัญหาการเงิน
- โรคเบาหวาน
- ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
- น้ำหนักเพิ่ม หรือลดมากๆ
- โรคที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติเช่น ภาวะ VWD (Von Willebrand disease)
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ริดสีดวงทวารหนัก
- ภาวะอักเสบของมดลูกหลังมีเพศสัมพันธ์
เมื่อไรควรไปพบแพทย์
หากคุณมีอาการเหล่าร่วมกับเลือดออกผิดปกติ โดยเฉพาะอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ
- ปวด
- อ่อนเพลีย
- มึนงง
- มีไข้
การวินิจฉัยและการรักษาอาการเลือดออกทางช่องคลอด
- แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น หากเป็นไปได้ควรจดบันทึกรอบเดือนของคุณว่า เริ่มมีประจำเดือนและหมดประจำเดือนเมื่อไหร่ รวมถึงปริมาณเลือดที่ออกและระยะเวลาที่มีรอบเดือน นอกจากนั้นจะมีการถามอาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ยาที่คุณกำลังรับประทาน และการคุมกำเนิด
- การตรวจร่างกาย
- การอัลตร้าซาวด์เพื่อหารอยโรค
- การส่องกล้องเพื่อหารอยโรค
- การตรวจภายใน
- แพทย์อาจจะมีการตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน หรืออาจจะมีการเก็บตัวอย่างไปเพาะเชื้อ หรือตัดชิ้นเนื้อจากปากมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูกไปตรวจได้ และแพทย์อาจจะมีการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงทางช่องคลอด
การรักษาอาการเลือดออกทางช่องคลอด
ไม่มีวิธีที่จำเพาะต่อการรักษาการมีเลือดออกในระหว่างรอบเดือน การรักษานั้นจะขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เลือดออกผิดปกติ
ภาวะแทรกซ้อนของเลือดออกทางช่องคลอด
ในบางกรณีเลือดที่ออกผิดปกตินั้นอาจจะหายไปได้เอง แต่ในบางรายจำเป็นต้องรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ การที่ไม่ได้มาตรวจรักษานั้นอาจจะทำให้ปัญหานั้นรุนแรงขึ้น ซึ่งหากสาเหตุนั้นเกิดจากการติดเชื้อ มะเร็งหรือโรคที่ร้ายแรงอื่นๆ อาจจะทำให้เกิดผลที่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
การป้องกันเลือดออกทางช่องคลอด
คุณอาจจะไม่สามารถป้องกันเลือดที่ออกระหว่างรอบเดือนได้ขึ้นกับสาเหตุ อย่างไรก็ตาม บางสาเหตุอาจจะสามารถป้องกันได้
- ใส่ใจในเรื่องอาหารการกิน กินให้ครบ 5 หมู่
- มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เนื่องจากการมีน้ำหนักเกินนั้นสามารถทำให้ประจำเดือนผิดปกติได้
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรงจะส่งผลให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายเป็นเป็นปกติ
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ไม่กินยาใดๆ โดยไม่จำเป็น
- หากรับประทานยาคุมกำเนิด ให้รับประทานตามที่ระบุไว้เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล
- รักษาอารมณ์ให้แจ่มใส
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือผู้หญิงโสดที่มีอายุเกินกว่า 35 ปี ควรปรึกษาเข้ารับการตรวจภายในประจำปีและตรวจหามะเร็งปากมดลูก แม้ยังไม่มีความผิดปกติเกิดขึ้นก็ตาม เพราะถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งในผู้หญิงได้ เนื่องจากแพทย์จะสามารถตรวจหาโรคในระยะเริ่มแรกที่ยังไม่มีอาการและมีโอกาสรักษาให้หายได้ง่าย