เนยถั่วหอมมันของโปรดของใครหลายๆ คนที่สามารถรับประทานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะทาขนมปัง รับประทานคู่กับผลไม้ หรือจะรับประทานแบบเปล่าๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ รู้ไหมว่า นอกจากเนยถั่วจะมีรสชาติอร่อยแล้วยังมากด้วยคุณค่าแถมยังช่วยลดน้ำหนักได้ดี หากรับประทานในปริมาณที่พอดี ดังนั้นผู้ที่รักสุขภาพจึงไม่ควรพลาดซื้อเนยถั่วติดไว้ที่บ้าน
ค.ศ.1890 นพ.เซนต์ หลุยส์ ได้คิดค้นวิธีทำ เนยถั่ว หรือ Peanut Butter ขึ้น เพื่อทดแทนโปรตีนในกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเคี้้ยว วิธีทำไม่ยุ่งยากเพียงนำถั่วลิสงมาคั่วบดให้ละเอียด
เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้
- พลังงาน 188 กิโลแคลอรี
- โปรตีน 8 กรัม
- ไขมันอิ่มตัว 3.3 กรัม
- ไขมันไม่อิ่มตัว 12.3 กรัม
- น้ำตาล 3 กรัม
- ฟอสฟอรัส 115 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 208 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 49.3 มิลลิกรัม
- โซเดียม 5.4 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 3 4.3 มิลลิกรัม
- วิตามินอี 2.9 มิลลิกรัม
- ใยอาหาร (Fiber) 1.9 กรัม
ประโยชน์ของเนยถั่ว
1. เนยถั่วเป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอด
เนยถั่วอุดมไปด้วยโปรตีน (โปรตีน 8 กรัม ต่อ เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ) สำหรับปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน (Recommended Dietary Allowance (RDA)) ผู้ชายอยู่ที่ 56 กรัม ส่วนผู้หญิงอยู่ที่ 46 กรัม (ขึ้นกับ เพศ อายุและกิจกรรมที่ทำ) ตามที่เราทราบโปรตีนเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้าง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กับร่างกาย และยังมีส่วนช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญ โปรตีนแบ่งเป็น 2 ประเภท คือโปรตีนจากสัตว์และจากพืช โดยเนยถั่วเป็นแหล่งโปรตีนจากพืช เราควรบริโภคโปรตีนจากพืชหลายแหล่ง / ชนิด เพื่อให้ได้กรดอะมิโนจำเป็นที่เพียงพอ เช่น รับประทานเนยถั่วคู่กับขนมปังโฮลวีท หรือกับนม กับผักผลไม้ ก็จะทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนครบถ้วน
2. เนยถั่วอุดมไปด้วยไขมันดี
ถึงแม้ว่า เนยถั่วจะถือเป็นอาหารที่มีไขมันสูง หากก็เป็นไขมันชนิดที่ดีต่อร่างกายเพราะเป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว พบในน้ำมันมะกอก น้ำมันงา ถั่วเปลือกแข็งต่างๆ เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ จะมีไขมันชนิดนี้ถึง 12.3 กรัม ช่วยเพิ่มระดับไขมันตัวดี (เอชดีแอล - คอเลสเตอรอล) ลดระดับไขมันตัวร้าย (แอลดีแอล – คอเลสเตอรอล) ลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ ช่วยให้ร่างกายนำน้ำตาลกลูโคสไปใช้ได้ดีขึ้น และช่วยลดภาวะดื้ออินซูลินในผู้เป็นเบาหวาน
3. เนยถั่วมีไฟเบอร์สูง
หากใครที่มีปัญหาในเรื่องการขับถ่าย เนยถั่วถือเป็นตัวช่วยที่ดีไม่น้อย เนื่องจากมีไฟเบอร์ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบขับถ่าย จึงช่วยแก้ปัญหาท้องผูก หรือลำไส้แปรปรวนได้ แต่หากต้องการประโยชน์มากขึ้นก็ควรรับประทานเนยถั่วคู่กับขนมปังโฮลวีท หรือแอปเปิ้ล หรือผักและผลไม้ ก็จะยิ่งได้ไฟเบอร์มากขึ้นไปอีกจึงทำให้อยู่ท้องนาน ช่วยระบบขับถ่าย และลดน้ำหนักได้
4. เนยถั่วมีโพแทสเซียมสูง
โพแทสเซียมช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย ช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ อีกทั้งยังดีกับหัวใจ ซึ่งเนยถั่ว 100 กรัม จะมีโพแทสเซียมมากถึง 70 มิลลิกรัม
5. เนยถั่วอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามิน
เนื่องจากในเนยถั่วมีแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด วิตามินชนิดที่สำคัญและมีมาก ได้แก่ วิตามินอี ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน ช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและการอุดตันของเส้นเลือด และวิตามินบี 3 (Niacin) ช่วยเพิ่มระดับไขมันตัวดี (เอชดีแอล - คอเลสเตอรอล) ลดระดับไขมันตัวร้าย(แอลดีแอล – คอเลสเตอรอล) ลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ ช่วยในการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศ (เอสโทรเจน โพรเจสเทอโรน เทสทอสเทอโรน) เช่น เดียวกับคอร์ติซอล ไทรอกซิน และอินซูลิน จำเป็นต่อสุขภาพที่ดีของระบบประสาทและการทำงานของสมอง
แม้เนยถั่วจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายแต่ก็ให้พลังงานสูงมาก ดังนั้นจึงควรเลือกเนยถั่วชนิดที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยโดยเฉพาะสารให้ความหวาน รวมทั้งต้องรับประทานเนยถั่วในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 2 เสิร์ฟ (1เสิร์ฟ เท่ากับ 1 ลูกปิงปอง) สำคัญที่สุด ควรรับประทานให้หลากหลาย หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนชนิดโปรตีนไปเรื่อยๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับกรดอะมิโนจำเป็นได้หลายชนิด