ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตุ่มนูน คือบริเวณของเนื้อเยื่อผิวหนังที่นูนขึ้นผิดปกติ ซึ่งมีขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 1 เซนติเมตร ตุ่มนูนจะมีลักษณะขอบที่แตกต่างกัน และมีรูปร่างได้หลากหลาย เช่น เป็นยอดกลม เป็นยอดแบนราบ หรือเป็นยอดคล้ายสะดือบุ๋มก็ได้ บางครั้งตุ่มนูนอาจเกิดขึ้นเป็นกลุ่มทำให้มีลักษณะเป็นผื่น (Rash) แต่ส่วนใหญ่แล้วตุ่มนูนที่เกิดขึ้นไม่ใช่โรคร้ายแรง และอาการจะดีขึ้นได้ด้วยการรักษาด้วยตนเองที่บ้าน
สาเหตุของตุ่มนูน
ตุ่มนูน มีสาเหตุมาจากโรคหลายชนิดที่ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่
- ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) ทำให้เกิดผื่นขึ้นจากการรวมตัวของตุ่มนูนหลายๆ ตุ่ม โรคผิวหนังอักเสบที่พบบ่อยที่สุด คือโรคผื่นแพ้สัมผัส ซึ่งเกิดจากการที่ผิวหนังสัมผัสกับวัสดุหรือสารต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง สารเคมี สารพิศ เครื่องประดับ จนทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเกิดอาการแพ้ขึ้น
- อีสุกอีใส (Chickenpox) เกิดขึ้นเมื่อมีการติดเชื้อไวรัส Varicella-Zoster Virus ซึ่งผู้ป่วยจะมีผื่นตุ่มนูนคันจำนวนมาก โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่ติดต่อไปยังผู้อื่นได้โดยการไอ และจาม
- ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดตุ่มนูน ผู้ป่วยจะมีผื่นคัน มีสะเก็ด พุพองตามผิวหนัง และผิวหนังจะแห้งมาก
- การติดเชื้อราแคนดิดาบนผิวหนัง คือ การติดเชื้อรา Candida albicans โดยอาจเรียกอีกอย่างว่าการติดเชื้อยีสต์ (Yeast infection) เช่น การเกิดผื่นผ้าอ้อมในเด็กเล็ก และการติดเชื้อราในช่องปากในผู้ใหญ่
แต่ในบางครั้งก็อาจพบตุ่มนูนที่เกิดขึ้นจากสาเหตุต่อไปนี้
- อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
- ภาวะไลเคน พลานัส (Lichen Planus) เป็นโรคผิวหนังไม่ติดต่อชนิดหนึ่ง มักพบได้บ่อยที่ข้อมือ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีม่วงแดง
- สะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคผิวหนังที่ผิวหนังแห้งเป็นขุย หรือแห้งเป็นเกล็ดๆ และมีสีแดง
- งูสวัด (Shingles) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัส Varicella Zoster Virus ทำให้เกิดผื่น หรือตุ่มน้ำใสที่ทำให้เกิดอาการปวด
- เรื้อน (Leprosy) เป็นโรคที่ทำให้เกิดแผลบนผิวหนัง อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง และทำลายเส้นประสาท
- อะโครเดอร์มาไตติส (Acrodermatitis) เป็นโรคผิวหนังที่พบในเด็ก ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- แมลงสัตว์กัดต่อย
เมื่อไรที่ต้องไปพบแพทย์
ปกติแล้วการเป็นตุ่มนูนสามารถรักษาได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่ถ้าตุ่มนูนเกิดขึ้นจากการแมลงหรือสัตว์บางชนิดที่เป็นพาหะนำโรค เช่น เห็บที่เป็นพาหะของโรคไลม์ (Lyme Disease) ก็จำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ เพราะโรคไลม์อาจทำให้ผู้ป่วยมีภาวะสมองอักเสบ ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
การรักษาตุ่มนูน
การรักษาตุ่มนูนด้วยตัวเอง สามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการขัดผิวที่มีตุ่มนูนจนกว่าจะหายเป็นปกติ
- ใช้น้ำอุ่น และใช้สบู่อ่อนๆ ขณะทำความสะอาด
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือน้ำหอมบริเวณที่มีอาการ
- ปล่อยให้ผิวหนังที่มีตุ่มนูนสัมผัสกับอากาศมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
- ทายารักษาผื่นคันที่มีจำหน่ายตามร้านขายยาตามที่ฉลากระบุไว้
ที่มาของข้อมูล
Carmella Wint, What Causes Papule? (https://www.healthline.com/symptom/papule), November 7, 2016.