ในปัจจุบันการแพทย์แผนโบราณที่ใช้พืชสมุนไพรในการรักษาโรคกำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง เนื่องจากเข้าใจว่า การใช้ธรรมชาติบำบัดจะช่วยบำรุงสุขภาพ ส่งเสริมฤทธิ์ของยา และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การรักษาโรคได้ แต่อย่างไรก็ตาม สมุนไพรหลายชนิดก็ยังไม่มีการวิจัยที่รับรองสรรพคุณอย่างแน่ชัดรวมถึงการรับประทานแบบสุ่มสี่สุ่มห้าก็อาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น สมุนไพร หนานเฉาเหว่ย ซึ่งเป็นสมุนไพรตระกูลเดียวกับ ป่าช้าเหงา ป่าช้าหมอง ของไทย ซึ่งว่ากันว่า มีสรรพคุณสารพัด แต่หากรับประทานอย่างไม่ระวังก็อาจเป็นโทษต่อสุขภาพได้
รู้จักกับหนานเฉาเหว่ย
หนานเฉาเหว่ย หรือ หนานเฝยเฉ่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gymnanthemum extensum เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับป่าช้าเหงา หรือชื่ออื่นๆ คือ ป่าช้าหมอง ป่าเฮ่วหมอง เป็นสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน พบได้ตามป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณ ปัจจุบันปลูกกันแพร่หลายมากขึ้นทางภาคเหนือของประเทศไทย
สูตรอาหารเสริม รวมสารสำคัญ 9 ชนิด สำหรับ เบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง ความดัน ไขมัน
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หนานเฉาเหว่ยเป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 6 – 8 เมตร มีใบรูปรี ปลายแหลม โคนป้านมน ใบอ่อนและแก่มีรสขมจัด ออกดอกสีขาว หรือเหลืองอ่อนตามซอกใบและปลายยอดในช่วงต้นฤดูฝน ดอกมีกลิ่นหอม ผลมีลักษณะค่อนข้างกลม ผิวเกลี้ยง ภายในผลแบ่งเป็นพู 3 พู ในแต่ละพูจะมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด ส่วนที่นำมาใช้เป็นยา ได้แก่ ใบ ซึ่งสามารถรับประทานสด หรือต้มกับน้ำดื่มก็ได้ แพทย์พื้นบ้านมักจะใช้เป็นยาลดไข้ ยาระบาย ยารักษาไข้มาลาเรียและรักษาโรคผิวหนัง
สรรพคุณของหนานเฉาเหว่ย
งานวิจัยที่รับรองสรรพคุณของหนานเฉาเหว่ยยังอยู่ในระดับเซลล์เพาะเลี้ยงและสัตว์ทดลองเท่านั้น ยังไม่มีการวิจัยสรรพคุณในคนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า สมุนไพรหนานเฉาเหว่ย น่าจะมีฤทธิ์เป็นยาและมีสรรพคุณต่อร่างกาย ดังนี้
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด มีงานวิจัยที่พบว่า ใบหนานเฉาเหว่ย หรือป่าช้าเหงา สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลองได้ ซึ่งน่าจะออกฤทธิ์ในคนแบบเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีน้ำตาลในเลือดสูง แต่ใบหนานเฉาเหว่ยนั้นมีฤทธิ์แรงมาก การรับประทานมากเกินไปอาจทำให้น้ำตาลตก จนหน้ามืด หมดแรง หมดสติ และช็อกได้
- ช่วยลดความดันโลหิต หนานเฉาเหว่ยมีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดและทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีจึงช่วยลดความดันโลหิตได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง และมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดหลอดเลือดสมองได้ แต่การรับประทานมากเกินก็อาจทำให้ความดันโลหิตตกจนเป็นอันตรายได้
- ช่วยลดระดับไขมันในเลือด การทดลองในสัตว์พบว่า หนานเฉาเหว่ยสามารถลดระดับไขมันในเลือดได้จึงน่าจะมีส่วนช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
- มีฤทธิ์ต่อต้านเซลล์มะเร็ง การทดลองในเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่า สารสกัดจากสมุนไพรหนานเฉาเหว่ย สามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีผลวิจัยที่พิสูจน์ได้ว่า การรับประทานหนานเฉาเหว่ยจะเป็นผลดีต่อการรักษามะเร็งในคนหรือไม่ ดังนั้นจึงควรรับประทานอย่างระมัดระวัง
ข้อห้ามและข้อควรระวังในการบริโภคหนานเฉาเหว่ย
แม้หนานเฉาเหว่ยจะเป็นสมุนไพรมากสรรพคุณ แต่ก็อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน และการรับประทานอย่างไม่ระมัดระวังก็อาจก่อให้เกิดโทษได้ จึงมีข้อแนะนำและข้อควรระวังสำหรับการรับประทานหนานเฉาเหว่ย ดังนี้
- ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันโลหิตต่ำ ผู้ป่วยโรคตับ โรคไต หญิงตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ และหญิงที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานหนานเฉาเหว่ย
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ไม่ควรรับประทานหนานเฉาเหว่ยแทนยา หรือหยุดยาแผนปัจจุบันแล้วมารับประทานหนานเฉาเหว่ยอย่างเดียว โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมโรคได้ดีอยู่แล้ว เพราะจะทำให้น้ำตาลต่ำและความดันโลหิตตกจนเป็นอันตรายได้ แต่สามารถรับประทานหนานเฉาเหว่ยเพื่อบำรุงร่างกายเป็นครั้งคราวได้
- หากรับประทานหนานเฉาเหว่ยแล้วมีอาการหน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออกมาก หมดแรง ให้หยุดรับประทานแล้วไปพบแพทย์ทันที
- หนานเฉาเหว่ยอาจมีพิษต่ออัณฑะ ชายวัยเจริญพันธุ์จึงไม่ควรรับประทานหนานเฉาเหว่ยติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพราะอาจจะเสริมฤทธิ์ของยาทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
- ไม่แนะนำให้รับประทานทุกวัน หรือรับประทานต่อเนื่อง เพราะเป็นยารสเย็นซึ่งจะส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้ท้องอืดง่าย มือเท้าเย็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
วิธีบริโภคหนานเฉาเหว่ยให้ปลอดภัย
- แนะนำให้รับประทานเป็นอาหาร เช่น ยำดอกขจรใส่ดอกป่าช้าเหงา ซึ่งคนท้องถิ่นนิยมรับประทานช่วงเปลี่ยนฤดู ปลายฝนต้นหนาว เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ให้เจ็บป่วย โดยจะนำใบป่าช้าเหงามาลวกน้ำร้อนก่อนรับประทานเพื่อลดความขมและลดฤทธิ์ยา
- เลือกใบสดขนาดไม่ใหญ่นัก (ไม่ใหญ่เท่าฝ่ามือ) รับประทานไม่เกินวันละ 1–3 ใบ หากใบใหญ่เท่าฝ่ามือให้รับประทานเพียง 1 ใบ ไม่แนะนำให้รับประทานทุกวัน หรือรับประทานต่อเนื่อง โดยให้เว้น 2–3 วันแล้วรับประทานหนึ่งครั้ง
- นำใบมาต้มกับน้ำดื่ม โดยเลือกใบขนาดเท่าฝ่ามือ 3 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ให้พอเดือด (ไม่ควรต้มนานเกิน 5 นาที) และดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว หลังตื่นนอน ไม่ควรดื่มทุกวัน และไม่ควรดื่มแทนน้ำ
- ไม่ควรบริโภคติดต่อกันเป็นเวลานาน แนะนำให้รับประทานวันละ 1-2 ใบ 2-3 วันต่อครั้ง ไม่แนะนำให้รับประทานทุกวัน หรือรับประทานต่อเนื่อง อาจรับประทานบ้างหยุดบ้างตามที่แนะนำติดต่อกัน 1 เดือน แล้วเว้น 1 เดือน และจึงเริ่มรับประทานใหม่
ภญ.อาสาฬา เชาวน์เจริญ เภสัชกรชำนาญการ ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรแนะนำว่า สำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังอย่างความดันโลหิต และเบาหวาน ควรใช้ยาตามแพทย์แผนปัจจุบันสั่งเป็นหลัก ผู้ป่วยควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนรับประทานสมุนไพร เนื่องจากปัจจัยในการรักษาของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน แต่หากรับประทานหนานเฉาเหว่ยแล้วมีอาการผิดปกติให้หยุดรับประทานทันที และหากใครมีโรคประจำตัวซึ่งไม่แน่ใจว่า รับประทานสมุนไพรได้หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ