ต่อมน้ำเหลืองโต

ปกติแล้ว ต่อมน้ำเหลืองโตสามารถหายเองได้ แต่หากรู้สึกเจ็บ หรือเป็นระยะเวลานาน อาจหมายถึงการติดเชื้อ และเนื้องอก
เผยแพร่ครั้งแรก 24 ต.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 17 ก.ย. 2019 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
ต่อมน้ำเหลืองโต

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ต่อมน้ำเหลือง เป็นต่อมสำหรับเก็บเม็ดเลือดขาว และคอยสกัดสิ่งแปลกปลอม เชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียออกจากร่างกาย ซึ่งเมื่อต่อมน้ำเหลืองกักเก็บเชื้อโรค สิ่งสกปรกต่างๆ ไว้มากๆ ก็จะทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตขึ้น
  • ต่อมน้ำเหลืองโตเกิดได้จากความเครียด หรือการติดเชื้อ สังเกตได้ง่ายๆ ว่า ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณไหน แสดงว่าอาจมีการติดเชื้อบริเวณนั้น เช่น ต่อมน้ำเหลืองโตที่คอ แสดงว่าอาจมีการติดเชื้อจากไข้หวัด หรือที่ระบบทางเดินหายใจ
  • โรคมะเร็ง คือ อีกปัจจัยที่ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตได้ และหากเชื้อมะเร็งแพร่ไปถึงต่อมน้ำเหลืองแล้ว โรคมะเร็งระยะนั้นๆ ก็ยากที่จะรักษาให้หาย และโอกาสรอดชีวิตผู้ป่วยก็จะลดลง
  • การรักษาภาวะต่อมน้ำเหลืองโตจะต้องมีการวางแผนโดยใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วยบางรายอาจรักษาเพียงแค่การรับประทานยา บางรานอาจต้องใช้ยาเคมีบำบัดเพื่อลดขนาดก้อนมะเร็ง
  • วิธีป้องกันภาวะต่อมน้ำเหลืองโตนั้นทำได้ไม่ยาก เพียงแค่รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นรักษาความสะอาด อยู่ให้ไกลจากเชื้อโรค รวมถึงหมั่นไปตรวจสุขภาพกับแพทย์ แค่นี้คุณก็ห่างไกลจากภาวะต่อมน้ำเหลืองโตได้แล้ว (ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิง ผู้ชายทุกวัยได้ที่นี่)

หลายคนน่าเคยได้ยินชื่อต่อมน้ำเหลืองมาบ้างจากชื่อโรค หรือภาวะผิดปกติบางอย่าง เช่น โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคต่อมน้ำเหลืองอุดตัน อาการต่อมน้ำเหลืองโตก็เช่นกัน 

โดยต่อมน้ำเหลืองเป็นต่อมขนาดเล็กบรรจุน้ำเหลือง ซึ่งเป็นของเหลวสีใสที่ไหลเวียนผ่านระบบท่อน้ำเหลือง โดยน้ำเหลืองจะเดินทางผ่านระบบน้ำเหลือง ซึ่งประกอบขึ้นจากช่องทางต่างๆ ทั่วทั้งร่างกาย มีลักษณะคล้ายกับหลอดเลือด

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ภาวะต่อมน้ำเหลืองโตนั้นอาจเกิดได้จากการตอบสนองต่อการติดเชื้อ และเนื้องอก

หน้าที่ของต่อมน้ำเหลือง

ต่อมน้ำเหลืองเป็นสถานที่เก็บเม็ดเลือดขาว ทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย เวลาแบคทีเรีย ไวรัส และเซลล์ที่ทำให้เกิดโรคผ่านเข้ามาในท่อน้ำเหลือง ก็จะถูกสกัดที่บริเวณต่อมน้ำเหลืองก่อน 

หลังจากนั้นต่อมน้ำเหลืองจะสะสมสิ่งต่างๆ เหล่านี้เอาไว้ และเมื่อปริมาณมีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตขึ้นนั่นเอง

ต่อมน้ำเหลืองอยู่ตรงส่วนไหนของร่างกาย

ต่อมน้ำเหลืองอยู่ทั่วร่างกาย และยังสามารถพบได้ที่บริเวณใต้ผิวหนังในหลายๆ ส่วน เช่น

  • รักแร้
  • ใต้ขากรรไกร
  • ลำคอทั้ง 2 ข้าง
  • ขาหนีบทั้ง 2 ข้าง
  • บริเวณเหนือกระดูกไหปลาร้า

สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโต

ต่อมน้ำเหลืองโตนั้น เกิดจากร่างกายได้ตอบสนองต่อความเจ็บป่วย การติดเชื้อ หรือความเครียด เป็นอาการหนึ่งที่บ่งบอกว่า ระบบน้ำเหลืองกำลังทำงานเพื่อกำจัดเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย

นอกจากนี้ ต่อมน้ำเหลืองยังสามารถโตได้จากการที่มีการติดเชื้อในบริเวณใกล้เคียง เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่คอจะโต เวลาที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน หรือในเวลาที่เป็นหวัด

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

หรือหากต่อมน้ำเหลืองบริเวณศีรษะ หรือคอเกิดโตขึ้น ก็อาจเกิดมาจากอาการเจ็บป่วยต่อไปนี้

  • การติดเชื้อที่หู
  • ไข้หวัด
  • การติดเชื้อในโพรงจมูก
  • โรคหัด (Measles) คือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
  • การติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
  • การติดเชื้อที่ฟัน
  • โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Mononucleosis)
  • การติดเชื้อที่ผิวหนัง
  • คออักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สเตรปโทคอกคัส (Streptococcus spp.)
  • ต่อมทอนซิลอักเสบ
  • วัณโรค (Tuberculosis)
  • เหงือกอักเสบ หรือมีแผลในช่องปาก

ยาที่ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตได้

ยาบางชนิด และปฏิกิริยาตอบสนองต่ออาการแพ้ยาบางอย่างนั้น สามารถทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตได้ เช่น ยากันชัก ยาฆ่าเชื้อมาลาเรีย

สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตได้ เช่น

  • โรคท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis)
  • การติดเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส (Syphilis) หรือหนองใน สามารถทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตได้
  • ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคลูปัส และข้ออักเสบชนิดรูห์มาตอยด์

มะเร็งกับภาวะต่อมน้ำเหลืองโต

ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งชนิดใด หากมีการแพร่กระจายในร่างกายก็สามารถทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตได้ ซึ่งในช่วงที่เชื้อมะเร็งแพร่จากบริเวณหนึ่งไปยังต่อมน้ำเหลืองนั้น จะทำให้อัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยลดลงด้วย 

นอกจากนี้มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่เกิดกับระบบน้ำเหลืองโดยตรงนั้น ก็สามารถทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตได้เช่นกัน

ตัวอย่างชนิดมะเร็งที่ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น

อาการอื่นๆ ที่อาจจะพบร่วมกับต่อมน้ำเหลืองโต 

นอกเหนือจากการตรวจหาต่อมน้ำเหลือง แพทย์จะมีการสอบถามอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะที่มีภาวะต่อมน้ำเหลืองโตด้วย เช่น

หากคุณมีอาการเหล่านี้ หรือมีต่อมน้ำเหลืองโต แตะแล้วเจ็บ แต่ไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ก็ยังเข้าข่ายอาการที่ควรไปพบแพทย์อยู่ ส่วนต่อมน้ำเหลืองที่โตแต่ไม่เจ็บนั้น อาจเป็นอาการของโรคมะเร็งได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

ปกติแล้วต่อมน้ำเหลืองที่โตนั้นจะค่อยๆ มีขนาดเล็กลงเมื่ออาการอื่นๆ เริ่มหายไป แต่หากอาการอย่างอื่นค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว แต่ต่อมน้ำเหลืองยังโต แตะและเจ็บอยู่ รวมถึงมีอาการบวมนานหลายวัน ก็ควรไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยอาการ

การวินิจฉัย

หากผู้ป่วยเพิ่งมีอาการป่วย หรือได้รับบาดเจ็บ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน เพราะสามารถช่วยในการวินิจฉัยสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้นได้

โดยในเบื้องต้นแพทย์จะซักประวัติของผู้ป่วย เนื่องจากมีหลายโรค และยาบางตัวที่สามารถทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตได้ ดังนั้นการให้ประวัติอย่างละเอียดจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ง่ายขึ้น

หลังจากซักประวัติแล้ว แพทย์จะตรวจร่างกายโดยการคลำดูขนาดของต่อมน้ำเหลืองที่โต และดูว่ามีอาการเจ็บหรือไม่ หลังจากนั้นอาจมีการตรวจเลือดเพื่อดูโรคบางโรค หรือความผิดปกติของฮอร์โมน

หากจำเป็นแพทย์อาจตรวจวินิจฉัยทางรังสีเพื่อประเมินต่อมน้ำเหลือง หรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกายที่อาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง

นอกจากนี้ อาจมีการตรวจเพิ่มเติมอีกในผู้ป่วยบางราย เช่น การตัดต่อมน้ำเหลืองไปตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาโรคบางโรค เช่น โรคมะเร็ง หากจำเป็นแพทย์อาจจะต้องผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองทั้งหมดออก

การรักษาต่อมน้ำเหลืองโต

  • ปกติแล้วต่อมน้ำเหลืองโตมักจะค่อยๆ เล็กลงได้เอง โดยที่ไม่ต้องรับการรักษา ในผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจนัดมาตรวจติดตามอาการโดยไม่ได้รักษาอื่นๆ
  • ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ แพทย์อาจจะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อไวรัส เพื่อกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดต่อมน้ำเหลืองโต นอกจากนี้ แพทย์อาจให้ยาลดแก้ปวด และการอักเสบร่วมด้วย เช่น แอสไพริน (Aspirin) และไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
  • ต่อมน้ำเหลืองโตที่เกิดจากโรคมะเร็งอาจไม่กลับไปมีขนาดเล็กเหมือนเดิม จนกว่าจะได้รับการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งการรักษามะเร็งนั้นมีได้ตั้งแต่ตัดเนื้องอก หรือต่อมน้ำเหลืองที่มีเซลล์มะเร็งลามไปออก หรืออาจต้องใช้ยาเคมีบำบัด เพื่อลดขนาดของก้อนมะเร็ง
  • แพทย์จะเป็นผู้เสนอ และวางแผนแนวทางการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยให้มากที่สุด

การป้องกันต่อมน้ำเหลืองโต

ต่อมน้ำเหลืองโตที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัส สามารถป้องกันได้เบื้องต้น ดังนี้

  • สวมใส่หน้ากากอนามัยเวลาอยู่ในที่แออัด โดยเฉพาะช่วงไข้หวัดระบาด เช่น บนรถโดยสารสาธารณะ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยโรคติดเชื้อที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น
  • ล้างมือบ่อยๆ ทั้งก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากทำกิจกรรมต่างๆ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ

ต่อมน้ำเหลืองโตจะไม่สร้างอาการ หรือความผิดปกติร้ายแรง หากคุณรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และรักษาสุขอนามัยร่างกายให้สะอาดเป็นประจำ นอกจากนี้ หากคุณรู้สึกเจ็บป่วย และคลำเจอก้อนประหลาดที่คาดว่า จะเป็นภาวะต่อมน้ำเหลืองโต ก็ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการทันที

ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิง ผู้ชาย เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Robert Ferrer, Lymphadenopathy: Differential Diagnosis and Evaluation (https://www.aafp.org/afp/1998/1015/p1313.html), 15 October 1998
Vikramjit S Kanwar, Lymphadenopathy (https://emedicine.medscape.com/article/956340-overview), 1 February 2018

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)