หลายคนในที่นี้น่าจะเคยได้ยินมาบ้างว่า สุขภาพจิตมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพกาย ซึ่งดูเหมือนว่าความเครียดจะส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมของร่างกาย โดยส่งผลได้ตั้งแต่ระบบทางเดินอาหารไปจนถึงระบบภูมิคุ้มกัน และไม่เว้นแม้แต่ผิวของเราค่ะ ซึ่งมีงานวิจัยค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างความเครียดและการเกิดสิว โดยสรุปได้ดังนี้
1.ความเครียดทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ตัวรับ (Receptors) ฮอร์โมนแห่งความเครียดที่อยู่ในเซลล์ผิวของเรามีหน้าที่ผลิตซีบัม ทั้งนี้ซีบัมคือน้ำมันที่ผิวผลิตออกมา ซึ่งจะมีการผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำให้เกิดสิว ในช่วงที่เครียด ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนแห่งความเครียดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล และนั่นก็จะทำให้มีการผลิตซีบัมเพิ่มขึ้น และนำไปสู่การเกิดสิวในคนที่ผิวมีความไวต่อการเกิดสิว นอกจากนี้คอร์ติซอลอาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบอีกด้วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
2.สิวที่เกิดจากความเครียดอาจเพิ่มความเครียดให้มากขึ้นไปอีก
คนที่มีสิวที่ไม่ว่าจะเกิดจากความเครียดหรือไม่ ก็ล้วนแต่รู้สึกเครียด วิตกกังวล และรู้สึกเศร้า ความเครียดที่ก่อตัวขึ้นก็จะทำให้สภาพผิวแย่ไปกันใหญ่ ซึ่งวงจรนี้จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด นอกจากนี้ความเครียดอาจทำให้เราบีบหรือแกะสิว การทำเช่นนี้จะทำให้แผลหายช้าลง และอาจทำให้เกิดสิวใหม่ สุดท้ายแล้วคุณก็จะไม่สามารถหลุดออกจากวงจรนี้ได้
3.ความเครียดสามารถทำให้เกิดการอักเสบในผิว
ในขณะที่เราเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดจะถูกหลั่งออกมามากขึ้น และนั่นก็จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งจะทำให้คนที่ผิวมีความไวต่อสิวมีสภาพผิวที่แย่กว่าเดิม
4.ความเครียดอาจทำให้เราทานอาหาร หรือมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
ความเครียดสามารถส่งผลต่อการทานอาหาร และนั่นก็มีผลต่อการเกิดสิวเช่นกัน อย่างไรก็ดี อาหารที่มีคาร์บ น้ำตาล และมีผลิตภัณฑ์จากนมสูง สามารถทำให้คนที่มีสิวมีอาการแย่ลงกว่าเดิม เมื่อเราเครียด เราก็มีแนวโน้มที่จะทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างเช่นเคย รวมถึงยังละเลยการดูแลตัวเอง และนอนไม่เพียงพอหรือนอนไม่ได้คุณภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้สิวไม่หายขาดสักทีค่ะ
วิธีจัดการกับความเครียดและป้องกันไม่ให้สิวขึ้น
มีหลายวิธีที่ช่วยจัดการกับความเครียดได้ ตัวอย่างเช่น
- จิตบำบัด – การได้พูดคุยกับนักจิตวิทยาสามารถช่วยจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวลได้ ซึ่งการบำบัดโดยใช้วิธีที่เรียกว่า Cognitive Behavioral Therapy หรือ CBT จะช่วยผู้ป่วยระบุและเปลี่ยนแปลงรูปแบบความคิด และพฤติกรรมที่ไม่ดีหรือทำให้เกิดอันตราย
- ทำสมาธิ – ช่วยให้คุณมีจิตใจที่สงบ และช่วยบรรเทาความวิตกกังวล
- สะกดจิตบำบัด – การรับมือกับความเครียดด้วยวิธีนี้จะต้องทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและถูกโน้มน้าวได้ง่าย และเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงหรือเลิกนิสัยที่ไม่ดี
- โยคะและไทชิ – เป็นการฝึกที่ต้องใช้การเคลื่อนไหว การหายใจ และสมาธิ เพื่อทำให้ร่างกายผ่อนคลายและทำให้มีสุขภาพดี แต่หากคุณมีเวลาไม่มาก การสูดลมหายใจผ่านทางจมูก 3 วินาที และหายใจออกให้นานขึ้นผ่านทางปากก็สามารถช่วยผ่อนคลายได้มากทีเดียว
- ยา – การทานยารักษาโรคซึมเศร้า ยาโพรพราโนลอล หรือเมโทโพรลอล สามารถช่วยจัดการกับความวิตกกังวลและความเครียดได้
การรักษาสิว
สำหรับสิวที่เกิดจากความเครียด มียาหลายชนิดที่สามารถช่วยทำให้สิวลดลง ตัวอย่างเช่น เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ กรดซาลิซิลิก เรตินอยด์ทั้งชนิดทาเฉพาะจุด (Tretinoin) และกิน (Isotretinoin) ยาปฏิชีวนะทั้งชนิดทาเฉพาะจุด (Clindamycin) และกิน (Minocycline หรือ Azithromycin) ยาคุมกำเนิด น้ำมันทีทรี ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม หากคุณลองจัดการกับความเครียดหรือปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ อย่างนอนพักผ่อนให้เพียงพอ หรือทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว แต่ปรากฏว่าสิวยังคงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มีท่าทีที่รุนแรงขึ้น หรือไม่สามารถควบคุมได้ การไปพบแพทย์ผิวหนังก็เป็นทางออกที่ดีค่ะ