ไซโปรเฮปทาดีน ไฮโดรคลอไรด์ (Cyproheptadine hydrochloride) เป็นยาต้านอาการแพ้ในกลุ่ม ยาต้านฮิสตามีน ในรุ่นที่ 1 นอกจากฤทธิ์การยับยั้งฮิสตามีนแล้ว ยาไซโปรเฮปทาดีนยังมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของอะเซทิลโคลีน (ให้ฤทธิ์ Anticholinergic ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา ได้แก่ ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่า ปัสสาวะขัด ท้องผูก) แม้ว่าข้อบ่งใช้ในการรักษาอาการแพ้ของไซโปรเฮปทาดีนจะเป็นข้อบ่งใช้เดียวที่ได้รับการอนุมัติ แต่ในปัจจุบันมีการนำ ไซโปรเฮปทาดีนมาใช้กับโรคไมเกรน เนื่องจากมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซโรโทนิน โดยยับยั้งที่ตัวรับเซโรโทนิน 5-HT2A
นอกจากนี้แล้วจากการศึกษาทางคลินิกพบว่า ผลข้างเคียงหนึ่งของยา คือ ทำให้น้ำหนักตัวของกลุ่มตัวอย่างเพิ่มขึ้น (จากการศึกษาที่มีกลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กที่เป็นโรคหืด) จึงมีการนำไซโปรเฮปทาดีนมาใช้เพื่อกระตุ้นการเจริญอาหาร
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ไซโปรเฮปทาดีน ไฮโดรคลอไรด์มีการออกฤทธิ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ยับยั้งการทำงานของฮิสตามีน อะเซทิลโคลีน เซโรโทนิน และคุณสมบัติการปิดกั้นช่องแคลเซียม (Calcium channel blocker) ในเซลล์ ฤทธิ์ในการต้านฮิสตามีนนั้นออกฤทธิ์โดยจับกับตัวรับฮิสตามีน ชนิด H1 แบบแข่งขันที่ระบบทางเดินอาหาร หลอดเลือด และทางเดินหายใจ
ไซโปรเฮปทาดีน ไฮโดรคลอไรด์ ถูกจัดเป็นยาอันตรายในประเทศไทย ตามการจำแนกโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีวางจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ด รู้จักดีในชื่อการค้า PERIACTIN® ซึ่งมีตัวยาสำคัญ คือ Cyproheptadine hydrochloride ขนาด 4 มิลลิกรัม ชื่อการค้าอื่นที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย เช่น Anpro® Cycodine® Cyprocap® Cyprogin® Cyprosian® Cyprotec® เป็นต้น
ข้อบ่งใช้ของ Cyproheptadine hydrochloride
- รักษาอาการแพ้
- ป้องกันการเกิดไมเกรน (ไม่ใช่ข้อบ่งใช้บนฉลาก)
- กระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง (ไม่ใช่ข้อบ่งใช้บนฉลาก)
- รักษาภาวะกลุ่มอาการเซโรโทนิน จากการที่มีระดับเซโรโทนินสูงเกิน (ไม่ใช่ข้อบ่งใช้บนฉลาก; off-label)
ขนาดและวิธีการใช้ยา Cyproheptadine hydrochloride
- ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาอาการแพ้ ยาในรูปแบบยารับประทาน ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 4 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง ขนาดยาในระยะรักษา 4-20 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถให้ยาได้ถึง 32 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทานทุก 8 ชั่วโมงในผู้ป่วยบางราย ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 0.5 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ต่อวัน
- ข้อบ่งใช้สำหรับป้องกันการเกิดไมเกรน (ข้อบ่งใช้นี้ไม่ใช้ข้อบ่งใช้บนฉลาก) ยาในรูปแบบยารับประทาน ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 2 มิลลิกรัม ทุก 12 ชั่วโมง โดยสามารถใช้ร่วมกับโพรพาโนลอล (Propranolol) หรือไม่ก็ได้
- ข้อบ่งใช้สำหรับกระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง (ข้อบ่งใช้นี้ไม่ใช่ข้อบ่งใช้บนฉลาก) ยาในรูปแบบยารับประทาน ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 2 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นปรับขนาดยาเป็น 4 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง
- ข้อบ่งใช้สำหรับรักษากลุ่มอาการเซโรโทนิน (ข้อบ่งใช้นี้ไม่ใช่ข้อบ่งใช้บนฉลาก) ยาในรูปแบบยารับประทาน ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาดเริ่มต้น 12 มิลลิกรัม จากนั้นปรับขนาดยาเหลือ 2 มิลลิกรัม ทุก 2 ชั่วโมง หรือ 4-8 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง
ผลข้างเคียงของยา Cyproheptadine hydrochloride
ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ Cyproheptadine hydrochloride ได้แก่
- ก้าวร้าว
- วิตกกังวล
- ความอยากอาหารผิดปกติ
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- เพิ่มความเหนียวของสารคัดหลั่งที่ถุงลม
- แน่นหน้าอก
- หนาวสั่น
- สับสน มึนงง
- ท้องผูก ท้องเสีย
- ปากแห้ง คอแห้ง
- อ่อนแรง เห็นภาพหลอน
- การทำงานของตับผิดปกติ
- ความดันโลหิตต่ำ
- ปวดเส้นประสาท
- บวมน้ำ
- อาการชัก
ข้อควรระวังของยา Cyproheptadine hydrochloride
- ยา Cyproheptadine hydrochloride ในรูปแบบยารับประทาน ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม category B ตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) ยาค่อนข้างมีควรปลอดภัยกับทารกในครรภ์ แต่อย่างไรก็ตามการใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ควรพิจารณาถึงประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับจากการใช้ยาว่ามีมากกว่าความเสี่ยง
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคต้อหินมุมแคบ ต่อมลูกหมากโต หรือผู้ที่ใช้ยา MAOI ในการรักษาอยู่
- ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในเด็กแรกเกิด เด็กเล็ก และสตรีให้นมบุตร
- ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง และโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีความดันในลูกตาสูง
- ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคหืด หรือโรคทางเดินหายใจเรื้อรังอื่นๆ
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคไทรอยด์
- ยานี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ใช้การประสานกันของร่างกาย อาจส่งผลให้เกิดอาการง่วงนอน จึงควรหลีกเลี่ยงการทำงานที่ใช้เครื่องจักร หรือการขับขี้ยานพาหนะหลังใช้ยา
- ไม่ควรใช้ยา Cyproheptadine hydrochloride ร่วมกับยาในกลุ่ม Mono Amine Oxidase Inhibitor ได้แก่ Isocarboxazid Phenelzine Selegiline และ Tranylcypromine เนื่องจากยาเหล่านี้อาจเสริมฤทธิ์การยับยั้งการทำงานของอะเซทิลโคลีน ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้
- ไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกันกับแอลกอฮอล์ เนื่องจากยาเสริมฤทธิ์การกดระบบประสาทส่วนกลาง