ความหมาย เป็นการอักเสบของเยื่อหุ้มสมองจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมีการอักเสบของเยื่อหุ้มสมองทุกชั้น อย่างไรก็ตามเชื้อแบคทีเรียมักจะชอบอยู่ที่ชั้นอะแรชนอยด์ และชั้นใต้อะแรนอยด์ แล้วกระจายไปทั่วชั้นใต้อะแรชนอยด์ โดยผ่านทางน้ำไขสันหลังไปรอบ ๆ สมองและไขสันหลัง รวมทั้งโพรงในสมอง
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เข้าไปในร่างกาย แล้วทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เชื้อที่พบบ่อย คือ Meningococci (Neisseria meningitis), Pneumococci (Streptococcus pneumonia) และ Hemophilus influenza เชื้อเหล่านี้มักพบใน Nasopharynx แต่ไม่ทราบว่าเชื้อเหล่านี้เข้าสู่กระแสเลือดและเข้าไปยังชั้นใต้อะแรชนอยด์อย่างไร มักเกิดในผู้ใหญ่ โดยพบมีการติดเชื้อในร่างกาย มีการติดเชื้อหลังผ่าตัด มีการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง มีพยาธิสภาพในระบบต่าง ๆ หรือได้รับยาฉีดเข้าไขสันหลัง
พยาธิสรีรภาพ
ยังไม่ทราบแน่นอนว่าเชื้อแบคทีเรียเข้าไปยังชั้นใต้อะแรชนอยด์อย่างไร อาจมีการกระจายผ่านทาง Choroid plexus (โดยการข้าม Blood brain barrier) ในระยะแรกเยื่อหุ้มสมองจะมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างเล็กน้อย ต่อมาจะเกิดการอักเสบโดยเกิด Exudate ขึ้น เยื่อหุ้มชั้นอะแรชนอยด์ และชั้นเพียจะหนาตัวขึ้นเป็นพังผิดติดกัน และมีเลือดคั่งในหลอดเลือดแดงที่มาเลี้ยงบริเวณช่องชั้นใต้อะแรชนอยด์ ต่อไปจะแตกหรือเป็นก้อนอุดตันหลอดเลือด
อาการ
มีอาการคอแข็ง (Stuff neck) มี Brudzinski’s sign และ Kemig’s sign เป็นบวกและมีอาการกลัวแสง (Photophobia) นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีไข้ หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ อ่อนแรง หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน แรกๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกหงุดหงิดต่อมามีอาการสับสน ซึม กึ่งหมดสติ และอาจชักได้
การวินิจฉัยโรค
จากการตรวจร่างกาย และเจาะหลังกรวดน้ำไขสันหลัง จะพบว่ามีลักษณะขุ่นตรวจ Gram stain พบเชื้อแบคทีเรียถึงร้อยละ 70-80 หากต้องการทราบชนิดของเชื้อตรวจสอบ Bacterial antigen อาจพบเชื้อ Hemophilus influenza กรวดน้ำไขสันหลังในผู้ป่วยเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อ Pneumoccocci จะพบว่าน้ำไขสันหลังมีความดันสูงปานกลาง มีโปรตีนสูง กลูโคสลดลง พบเม็ดเลือดขาวมากขึ้นอาจสูงถึง 100-10,00 /cm2 และพบ Polyorphonuclear leukocyte อย่างชัดเจน
การรักษา
หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เสียชีวิตภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือภายในไม่กี่วัน การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะตามเชื้อที่เป็นสาเหตุ ยาปฏิชีวนะที่ใช้ได้ผลดี เช่น Cephalosporins, Rifampin, Vancomycin เป็นต้น โดยใช้ขนาดสูง ๆ อย่างน้อย 10 วัน ให้ยาด้านการชัก ประเมินภาวะสมดุลของสารน้ำและอิเล็กโทรไลต์ และภาวะทางระบบประสาทบ่อย ๆ เพื่อประเมินภาวะความดันในกะโหลกศีรษะ
การพยาบาล
ประเมินและบันทึกอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท ประเมินระดับความรู้สึกตัว ได้แก่ Glasgow coma scale (GSC) ขนาดรูม่านตา ปฏิกิริยาต่อแสงของรูม่านตา ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Motor power) ให้ยาปฏิชีวนะ หรือยาต้านเชื้อแบคทีเรีย ตามแผนการรักษา พร้อมทั้งสังเกตอาการข้างเคียงขอยาเพื่อลดและกำจัดการติดเชื้อ สังเกตภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง เช่น อาการอาเจียนโดยไม่มีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย อาการชัก GSC ลดลงมากกว่า 2 คะแนน ความดันโลหิตตัวบน (Systolic blood pressure) เพิ่มขึ้นมากกว่า 20 มม. ปรอทและมีความดันชีพจร (Pulse pressure) กว้าง หัวใจเต้นช้า หายใจไม่สม่ำเสมอ หรือมีการหายใจเปลี่ยนไป มีปฏิกิริยาสนองตอบต่อความเจ็บปวดลดลง จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนศีรษะสูง 30 องศา หลีกเลี่ยงการก้ม เงย หมุนคอมากเกินไปและหลีกเลี่ยงการงอสะโพกเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก วัดอุณหภูมิทุก 4 ชั่วโมง หากมีไข้ 38.5 องศาเซลเซียส ให้เช็ดตัวลดไข้ (Tepid sponge) อาจให้ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ตามแผนการรักษา ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนอย่างเพียงพอ ติดตามผลการกรวดน้ำไขสันหลัง ประเมินอาการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง เช่น อาการคอแข็ง (Kernig’s sign) ประคบเย็นที่หน้าอก เพื่อลดอาการปวดศีรษะ สังเกตอาการชักเกร็ง ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารโปรตีนสูง และให้ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2,000 ลิตร