August 31, 2019 19:37
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
การที่คนไข้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ
แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ (ทานอย่างช้าไม่ควรเกิน72ชั่วโมง ช้าสุด120ชั่วโมงครับ) เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ครับ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพประมาณเกือบ 90% หากทานถูกวิธีภายในวันแรกครับ ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ทานครับ
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมาแม้ผลปกติครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ
เพราะการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันถึงแม้ไม่ได้หลั่งภายใน แต่สารคัดหลั่งที่ออกจากอวัยวะเพศชายสามารถพบอสุจิได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ใส่ถุงยางเเม้ไม่ได้หลั่ง/หลั่งนอก แต่ถ้ามีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีโอกาสท้องครับ เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ครับ
......
ก่อนหน้าการมีเพศสัมพันธ์รอบนี้ ถ้าไม่ได้กินยาคุมหรือฉีดยาคุม\ฝังยาคุมอยู่ก่อนเเละยังไม่เกิน120ชม. นับจากการมีเพศสัมพันธ์
ครั้งนี้ให้พิจารณายาคุมฉุกเฉินครับ (ถ้าช้าจาก 120 ชม.กินยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ทันเเล้วครับ)
......
- ถ้าก่อนหน้านี้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ มีเพศสัมพันธ์ช่วง ก่อน7วันถึงหลัง7วัน นับจากวันที่ประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นระยะปลอดภัย ไม่มีไข่ตก โอกาสท้องน้อยมาก ก็อาจไม่ต้องกินยาคุมฉุกเฉินก็ได้ครับ ก็ให้รอประจำเดือนรอบถัดไปเลย ถ้ามาตามรอบก็คือไม่ท้องครับ
......
- เเต่ถ้าเดิมประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ กะเวลาตกไข่ยาก หรือมีเพศสัมพันธ์ไม่ไ้ป้องกันช่วงที่ไม่ใช่ระยะปลอดภัย โดยเฉพาะ14วันนับจากประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นช่วงไข่ตก โอกาสท้องจะมากกว่า กรณีนี้เเนะนำยาคุมฉุกเฉินครับ
............
ยาคุมฉุกเฉินซื้อได้ตามร้านขายยา ถ้ายังไม่เกิน 72 ชม (บางตำราให้120ชม) ก็ถือว่ายังมีประสิทธิภาพครับ.
หลังรับประทานยาจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ไปตรวจการตั้งครรภ์ครับ
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ชนิด 2เม็ด เช่น Postinor หรือ Madonna ได้สองวิธี
1.รับประทานทันที 2 เม็ด
2.รับประทาน 1 เม็ดทันที เเละรับประทาน เม็ดต่อไป ในอีก 12 ชม.
สองวิธีประสิทธิภาพไม่เเตกต่างกัน (หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte ก็กินเม็ดเดียวไปเลยครับ)
วิธีเเรกสะดวก แต่อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า
วิธีที่สอง อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อย เเต่ต้องดูเวลาดีๆ ครับ
.............
หากอาเจียนภายใน 2 ชม.หลังกินยา ต้องกินใหม่นะครับ เพราะยายังไม่ได้ดูดซึม
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา
หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่แต่ไม่มีการหลั่งนั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
ส่วนการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์นั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- มีการบาดเจ็บของช่องคลอดหรือปากมดลูกจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง
- มีภาวะปากมดลูกปลิ้น ซึ่งเป็นภาวะปกติของผู้หญิงบางคน แต่ส่งผลให้มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
- มีการอักเสบติดเชื้อของช่องคลอดหรืออุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง เช่น เริม หนองใน ซิฟิลิส
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- เนื้องอกมดลูก
- ติ่งเนื้อหรือมะเร็งที่ปากมดลูก
ถ้าหากเลือดที่ออกมานั้นออกมาในปริมาณมาก หยุดยาก ออกมาติดต่อกันหลายวัน หรือมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการเลือดออกระหว่าง หรือ หลังมีเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่ได้อยู่ในระหว่างการมีประจำเดือนของผู้หญิง เป็นอาการที่ไม่ปกติ และจะต้องหาสาเหตุครับ ซึ่งสาเหตุที่เป็นไปได้มีดังนี้ครับ
1.บาดแผลที่เกิดขึ้นขณะมีเพศสัมพันธ์ครับ อาจจะทำท่า ความรุนแรง หรือช่วงที่ทำช่องคลอดแห้ง ก็อาจจะมีเลือดออกได้ เลือดที่ออก อาจจะเล็กน้อย เช่น บาดแผลภายนอก หรือถ้ารุนแรงไปจนถึงช่องคลอดหรือป่กมดลูกฉีกขาด ก็อาจจะมีเลือดออกได้มาก
2.การ ติดเชื้อ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจทำให้มีเลือดออก และตกขาวที่ผิดปกติได้ เช่น การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส เป็นต้น คนไข้อาจจะมีเลือดออก ร่วมกับมีตกขาวสีผิดปกติ เช่นทสีเขียว สีเหลือง หรือตกขาวมีกลิ่นเหม็น อาจมีอาการแสบ คันช่องคลอด บางคน อาจมีปวดท้องน้อยหรือมีไข้ร่วมด้วย
3. ติ่งเนื้อในช่องคลอด / ปากมดลูก ( polyp) เมื่อโดนกระทบกระแทก อาจมีเลือดออกได้ง่าย
4. เนื้องอก ทั้งเนื้องอกที่เป็นมะเร็วและไม่เป็นมะเร็งในช่องคลอด หรือ ปากมดลูก
5. เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ อาจทำให้มีเลือกออกขณะ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ บางคนอาจมีอาการปวดประจำเดือนมากกว่าปกติด้วยครับ
6. ช่องคลอดแห้ง / ช่องคลอดอักเสบ อาจเกิดจาก ความไม่พร้อม/น้ำหล่อลื่นน้อย หรือ ขาดฮอร์โมนเพศ เช่น หลังผ่าตัดรังไข่ ผู้หญิงอายุมาก เป็นต้น
7.มีเส้นเลือดโป่งพองที่ปากมดลูกหรือปากมดลูกปลิ้น ครับ
ยังมีอีกหลายสาเหตุ ที่อาจพบได้ครับ ซึ่งต้องใช้การตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และอาจจะต้องมีการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมครับ จึงแนะนำให้คนไข้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ รพ นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หากมีเพศสัมพันกันแบบไม่ได้ใส่ถุง ไม่มีการหลั่งแค่เข้านิดเดียว ไม่ถึง15วิ แล้วมีเลือดออกทางช่องคลอด จะเป็นอะไรมั้ย จะควรทานยาคุมมั้ย และมีความเสี่ยงที่จะท้องมั้ย กี่%
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)