August 23, 2019 18:05
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
กรณี เลือดออกทางช่องคลอด ผิดปกติ อาจเกิดจากสาเหตุหลายอย่างครับ
>>แต่ก่อนจะวินิจฉัยอาการเลือดออกผิดปกติใดๆ ขอให้คนไข้ ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเองก้อนนะครับ หากคนไข้มีความเสี่ยงกับการตั้งครรภ์ครับ
>>หากคนไข้มีความเสี่ยงกับการตั้งครรภ์ เนื่องจากการวินิจฉัยและรักษา จะแตกต่างออกไปค่อนข้างมากจากผู้ที่ไม่ตั้งครรภ์ครับ
ตัวอย่างเช่น
- การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด เช่น ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน การฝังยาคุมกำเนิดช่วงแรกๆ หรือการฉีดยาคุมกำเนิด หรือยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช เป็นต้น
- โรคทางระบบสืบพันธ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ ( PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ หรือ กระปริบกระปรอยได้
- ภาวะ ฮอร์โมน ไม่ปกติ ซึ่งมีหลายชนิด ได้แก่ ฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งจะต้องมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือ ฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ อาจทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มา หรือมาแบบกระปริบกระปรอย เป็นต้นครับ
- เนื้องอก เช่น เนื้องอกในมดลูก [myoma ] เป็นต้น กรณีนี้อย่าเพิ่งกังวลใจนะครับ แนะนำให้ตรวจก่อนครับ
ถ้าคนไข้มีอาการต่างๆที่ผิดปกติดังที่กล่าวไป แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
อนึ่ง การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกาย จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีและทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ต้องตรวจครรภ์ด้วยตัวเองก่อนใช่ไหมค่ะ
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
อาจเกิดได้จากผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดชนิดฝังครับ ซึ่งพบได้มากใน6เดือนแรก หลังฝังยา นอกจากนี้อาจเกิดได้จากความผิดปกติในมดลูก และ รังไข่
เช่น ก้อนเนื้อในมดลูก เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ซีสต์ในรังไข่ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน การตั้งครรภ์นอกมดลูก และฮอร์โมนเพศไม่สมดุล เป็นต้น
ฉะนั้นแนะนำให้คนไข้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน อัลตร้าซาวน์ ตรวจเลือด เพื่อหาการติดเชื้อ ความผิดปกติในระบบอวัยวะสืบพันธ์ รวมทั้งการตั้งครรภ์ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เลือดออกผิดปกติครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ฝังมาจะ4ปีแล้วค่ะ
ตอบโดย
พิมพกา ชวนะเวสน์ (สูตินรีแพทย์)
ผลข้างเคียงหลักของยาฝังคุมกำเนิด คือ เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดค่ะ
ซึ่งอาจมีได้หลายแบบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเลือดออกกระปริบกระปรอยค่ะ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเลือดออกเยอะ ควรไปพบแพทย์ ตรวจภายในค่ะ ว่า มีเลือดออกจากสาเหตุอื่นหรือไม่
สาเหตุอื่นเกิดได้จาก
- ความผิดปกติที่ปากมดลูก เช่น เซลล์ผิดปกติ ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก
- ความผิดปกติ ในโพรงมดลูก เช่น เซลล์ผิดปกติ ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก
- ความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ไข่ไม่ตก ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีเลือดออกกระปริบกระปรอย
เพื่อให้ทราบการว่า เกิดจากสาเหตุอะไร ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายในค่ะ จะได้รักษาตรงสาเหตุ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ค่ะ ในกรณีบัตรและเอกสารอยู่ต่างจังหวัดเราจำ13หลักได้ แบบนี้หาหมอที่อื่นได้ไหมคะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
โดยปกติแล้วหลังฝังยาคุมเลือดที่ออกมาทางช่องคลอดมักจะต้องเป็นเลือดออกกระปริดกระปรอยเท่านั้นครับ การที่มีเลือดออกมาในปริมาณมากผิดปกติจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยอยู่บ่อยๆนั้นอาจทำให้เกิดการเสียเลือดที่มาเกินไปและทำให้เกิดอันตรายตามมาได้ครับ โดยในกรณีนี้อาจมีความผิดปกติบางอย่างซ่อนอยู่ในช่องคลอดได้ เช่น มีการอักเสบติดเชื้อ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือเนื้องอกบางอย่าง
หมอแนะนำว่าในกรณีนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ
ปกติแล้วประจำเดือนของผู้หญิงมักมา 3-7วัน ในกรณีที่ประจำเดือนมากหรือมานานกว่านั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น
- ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล ซึ่งอาจพบได้บ่อยในคนที่อ้วนเกินไป ผอมเกินไป ออกกำลังกายหักโหม เป็นโรคเบาหวาน ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ เป็นต้น
- มีการอักเสบติดเชื้อในช่องคลอดหรืออุ้งเชิงกราน มีเลือดไหลผิดปกติ ตกขาวผิดปกติ สีเปลี่ยนไป กลิ่นเหม็น คันระคายเคืองช่องคลอด เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ปวดท้องน้อย อาจมีไข้ได้
- เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ เกิดจากเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกมีการแบ่งตัวมากผิดปกติ เนื่องจากมีการกระตุ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไปในร่างกายโดยที่ไม่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมาเปลี่ยนแปลงให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้น
-เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีอาการประจำเดือนกะปริบกะปรอย ปวดประจำเดือนมากและนาน เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์
- มีรอยโรคภายใน ไม่ว่าจะเป็นเนื้องอกในกล้ามเนื้อมดลูก ติ่งเนื้อ มะเร็ง
กรณีที่ฝังยาคุมกำเนิด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงคือเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ กรณีนี้หมอแนะนำให้ไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อทำการตรวจภายในหาสาเหตุอื่นๆดูก่อน และจะได้ทำการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มีเลือดออกทางช่องคลอดมาจะครึ้งเดือนเเล้ว ตอนเเรกมาปกติเหมือนประจำเดือนเลยไม่แปลกใจอะรัยเพราะว่าฝังเข็มคุมกำเนิด แต่พอมา3-4วันหลังนี้มาเยอะมากมาแปลก มีลิ้มเลือดหลุดออกมาทุกรอบที่เปลี่ยนผ้าอนามัย เปลี่ยนไปไม่ถึง3ชั่วโมงเลือดก็ล้นออกมาอาการแบบนี้คืออะรัยคะเวลาเลือดไหลออกคือรู้สึกได้เลยค่ะ มันไหลออกมาเหมือนเวลาเราเยี่ยวเลยคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)