June 19, 2019 08:38
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการปวดท้องน้อย จำเป็นต้องได้รับประวัติเพิ่มเติมค่ะ เช่น ปวดที่ไหน ข้างไหน ปวดอย่างไร ปวดตอนไหน ปวดมานานเท่าไหร่ มีอาการร่วมไรบ้างครับ
ตัวอย่าง เช่น
- การติดเชื้อในลำไส้ หรือท้องเสียถ่ายเหลว อาหารเป็นพิษ ซึ่งพบได้บ่อยที่สุด ถ้าติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียที่ไม่รุนแรงมาก ก็สามารถหายเองได้ครับ
- กรวยไตอักเสบ /กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาจมีอาหารร่วมเช่น เป็นไข้สูง ปวดหลัง บางคนมีปัสสาวะแสบขัดได้ครับ
- สาเหตุจากกล้ามเนื้อ คนไข้อาจมีประวัติยกของหนัก ออกกำลังกาย โดยใช้กล้ามเนื้อบริเวณท้องมาก การปวด อาจสัมพันธ์กับการขยับตัว สวัสดีค่ะ ถ้าอาการปวดเป็นหลังจากการออกกำลังกาย โดยใช้กล้ามเนื้อบริเวณท้องมาก การเกร็งหน้าท้องเป็นเวลานาน หรือการบิดอยู่ท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานานครับ มีจุดกดเจ็บชัดเจน โดยมากหายได้เองค่ะ ถ้าไม่หาย สามารถทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือ ไดโคฟิแนคได้ (โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยานะครับ)
- สำหรับผู้หญิง อาจเป็นความผิดปกติของระบบสืบพันธฺสตรีได้ เช่น เนื้องอกของมดลูก รังไข่ เป็นต้นครับ หรือการติดเชื้อในบริเวณดังกล่าว เช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือ ถ้าคนไข้มีความเสี่ยงที่จะตั้งครภ์ แล้วมีอาการปวดท้องด้านใดด้านหนึ่งมากๆ บวกกับประจำเดือนขาด ผลตรวจครรภ์เป็นบวก อาจเกิดจากการท้องนอกมดลูกได้ครับ
**สำหรับอาการดังกล่าว เป็นการวินิจฉัยอย่างพอสังเขป การให้การรักษาต้องได้รับการตรวจร่างกายเพิ่มเติมโดยแพทย์ ดังนั้น แนะนำให้ไปตรวจร่างกายที่ รพ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องหากอาการไม่ดีขึ้นครับ*
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
สาเหตุของอาการปวดท้องน้อย พบได้หลายสาเหตุครับ
ทั้งสาเหตุจากระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธ์ ระบบกล้ามเนื้อ และระบบทางเดินปัสสาวะ
1.สาเหตุจากระบบสืบพันธุ์ หากมีเพศสัมพันธ์และมีความเสี่ยง อาจตั้งครรภ์ได้ ซึ่งการตั้งครรภ์มีความเสี่ยง ที่จะท้องนอกมดลูกและทำให้มีอาการปวดน้อยน้อยมากขึ้นเรื่อยๆได้ นอกจากนี้ การติดเชื้อในโพรงมดลูก(PID) ซึ่งมักมีไข้ร่วมได้ เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน ทำให้มีการติดเชื้อแบคทีเรีย และเกิดการอักเสบ ปวดท้องน้อยได้เช่นกัน
2.สาเหตุจากระบบย่อยอาหาร อาจเกิดการอักเสบ ติดเชื้อในลำไส้ ทำให้การบีบตัวของลำไส้มากกว่าปกติ มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
3.อาการอักเสบของระบบกล้ามเนื้อ มักมีอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ปวดมากขึ้นเมื่อออกแรงเช่น ยกของ เป็นต้น
4.สาเหตุุจากระบบทางเดินปะสสาวะ มักมีอาการปวดบีบได้ จากการที่มีการอักเสบ หรือมีนิ่วอุดตันในท่อไต หรือการอักเสบในกระเพาะปัสสาวะ เช่นการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น
คนไข้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อส่งสิ่งส่งตรวจ เพื่อหาการฉีดเชื้อและอักเสบ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เรียนสอบถามค่ะ มีอาการปวดท้องน้อยเหมือนปวดประจำเดือนประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว แต่ไม่มีเลือดไหลออกมา เช้านี้ปวดมากกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่มีเลือด ปวดไปถึงหลังและต้นขาท้องบวมขึ้นด้วยค่ะเดิดจากอะไรคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)