มียาต้านไวรัส เริม ระยะยาวไหมครับ แล้วราคาแพงไหม แล้วมีผลเสียอย่างไร ถ้าผมอยากจะมีลูก แต่ไม่อยากให้ภรรยาติดเชื้อ ผมสามารถทำได้หรือไม่ ผมจิตตกมาก อยากฆ่าตัวตาย (ผมยังไม่มีเพศสัมพันกับภรรยาหลังรับเชื้อมา) ผมตรวจเอดส์แล้ว ปกติดี สองครั้ง ไม่ได้เป็นเอดส์ ผมควรทำไง ผมจะไม่ไหวแล้วครับ

ถ้าเป็นเริม ปกติไม่มียาระยะยาวครับ (แต่มียากินเป็นครั้งๆไปคือAcyclovir) เวลาหาย เชื้อจะซ่อนอยู่ในปมประสาท เเล้วจะออกมามีอาการเป็นตุ่มใสๆเเสบร้อน เวลาร่างกายเราอ่อนเเอพักผ่อนน้อยครับ

เเละการติดต่อ คือถ้ามีรอยโรคอยู่ ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงครับ ถ้ารอยโรคหายเเล้วโอกาสติดน้อยมากๆๆครับ

ต่อให้ภรรยาติดจริงๆ หรือมีโรคอื่นก็ตาม เช่น HIV ซิฟิลิส ถ้าท้องเเล้วฝากครรภ์เร็ว คุณหมอจะตรวจคัดกรองหมดอยู่เเล้วครับ
มีวิธีรักษาไม่ให้ลูกติดอยู่เเล้วครับ ไม่ได้ต้องกังวลมากครับ

ยกตัวอย่าง สมมติเเฟนคุณติดเริม มีตุ่มใสบริเวณอวัยวะเพศ เเล้วกำลังจะใกล้คลอด คุณหมอก็จะไม่ให้คลอดทางช่องคลอด เป็นผ่าคลอดเเทนเป็นต้น หรือถ้าเป็นโรคอื่นตามที่กล่าวมาก็มียารักษาครับ เช่น HIV ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบ ไม่ให้ติดไปยังลูกครับ

สวัสดีค่ะ
1.ถ้ามีอาการเริมที่อวัยวะเพศ/ทวารหนัก รอยโรคคือเป็นตุ่มน้ำใสร่วมกับเจ็บปวดแสบ การวินิจฉัยต้องตรวจร่างกายและเก็บเชื้อไปย้อมดูค่ะว่าใช่เริมหรือไม่ การรักษาถ้าติดเชื้อครั้งแรกแล้วมีอาการยาที่ใช้รักษาคือ acyclovir 400 mg กินวันละ 3 ครั้ง นาน 7-10 วัน
กรณีมีอาการรุนแรงต้องให้ยาทางหลอดเลือดดำค่ะ
ในกรณีเป็นซ้ำจะใช้ยา acyclovir 800 mg กินวันละ 2 ครั้ง นาน 5 วัน กรณีสุดท้ายคือเป็นบ่อยมากกว่าเท่ากับ 6 ครั้งต่อปี แนะนำให้กินยาเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำคือ acyclovir 400 mg กินวันละ 2 ครั้งต่อเนื่องนาน 1 ปี และประเมินซ้ำโดยแพทย์ค่ะ
ในเบื้องต้นแนะนำใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ค่ะ และปรึกษาแพทย์วางแผนก่อนมีบุตรค่ะ

การติดเชื้อไวรัสเริม จะติดจากบริเวณรอยโรคกล่าวคือจะติดเชื้อได้ต้องมีแผลและมีการสัมผัสแผลค่ะ (viral shading)
ในรพ.ศูนย์ประจำจังหวัดน่าจะมีหมออายุรกรรมโรคติดเชื้อและหมอสูติกรรมอยู่แล้วค่ะ ลองตรวจรักษาที่กาญจนบุรีก่อนก็ได้ค่ะ

ถ้าเป็นบ่อยๆแนะนำให้กินยาเพื่อป้องกันค่ะตามที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่ก่อนกินยาและหลังกินยาต้องมีการประเมินโดยแพทย์ค่ะ จะเป็นอายุรแพทย์ทั่วไปหรืออายุรแพทย์เฉพาะทางโรคติดเชื้อก็ได้ค่ะ

ถ้ามีการกินยาในขนาดป้องกันเป็นระยะเวลา 1 ปี การกลับมาเป็นซ้ำจะน้อยลงมากๆค่ะถ้าไม่มีการรับเชื้อซ้ำเข้ามาอีก แต่ถ้ามีอาการอีกก็ต้องกลับไปกินขนาดที่ใช้รักษาค่ะ

ไม่มีข้อมูลสนับสนุนเรื่องอายุที่มากขึ้นจะเป็นซ้ำน้อยลงค่ะ

ปัจจุบันมีการวิจัยพัฒนาเรื่องวัคซีนป้องกันโรคเริมอยู่ค่ะ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ คิดว่าในอนาคตน่าจะมีวัคซีนออกมาค่ะ เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านไวรัสหลายอย่าง เช่น ไวรัสแบ่งตัวเร็ว และชอบแฝงตัวในปมประสาทค่ะ