ปวดสะโพกด้านหลังข้างซ้าย เมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน แล้วก็เริ่มปวดต้นขาด้านหลังข้างซ้ายต่อ จะปวดเวลาเดิน ยืดขาตรงแล้วยกขาไม่ได้ครับ เจ็บปวดมาก สองอาทิตย์ก่อนทานยาคลายเส้น ดีขึ้นแต่ไม่หาย และเมื่ออาทิตย์ก่อน(วันที่ 18 พ.ย.) ทานยาแก้ปวด,ลดอักเสบ และ แก้ปวด,คลายกล้ามเนื้อ ก็ดีขึ้น แต่ยังมีอาการอยู่ ยาเพิ่งหมดเมื่อสองวันก่อนครับ แล้วก็กลับมาเจ๋บปวดแบบเดิมอีกแล้ว และเวลาก้มคอ ก็จะเจ็บถึงต้นขาด้วย อยากทราบว่าเป็นอะไรร้ายแรงมากไหมครับ ปล. ไม่มีอาการชา หรือขาอ่อนแรง มีแต่แรงที่จะพยายามก้าวต่อไป ตื่นเช้าจะปวดมาก เดินยาก พอเริ่มสายๆ เริ่มเดินเยอะๆ จะเดินได้เหมือนปกติ แต่ถ้านั่งก็จะเจ็บต้นขาด้านหลังบ้าง วิ่งได้ฉิวครับ

สวัสดีครับ
ถ้าหากมีอาการปวดที่ขาติดต่อกันมานานหลายสัปดาห์แล้วก็มีโอกาสเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น อาการปวดของกล้ามเนื้อ ข้อเข่าหรือข้สะโพกอักเสบ มีความผิดปกติของกระดูกสันหลังมากดทับเส้นประสาท

ถ้าหากได้รับประทานยาอก้ปวดในเบื้องต้นไปแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ศัลยกรรมกระดูกเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

สวัสดีค่ะ
จากอาการที่กล่าว สงสัยกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง
แต่ถ้ามีอาการเจ็บร้างลวขา เมหมือนไฟช๊อต อาจต้องระวังเรื่องการที่มีการกดทับของกระดูกทับเส้นประสาท

การดูแลรักษาเบื้องต้น
-งดการใช้งาน เช่นการยืน เดิน ขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
-ทานยาคลายกล้ามเนื้อ
-แนะนำทำกายภาพร่วมด้วย

และควรไปพบศัลยแพทย์กระดูกเพื่อทำการตรวจร่างกายโดยละเอียดอีกครั้งค่ะ

ถ้าหากอาการเจ็บอยู่เฉพาะที่บริเวณต้นขาเท่านั้นสาเหตุก็มีแนวโน้มที่จะเกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อต้นขามากที่สุดครับ แต่เนื่องจากอาการเป็นติดต่อกันมานานแล้วในกรณีนี้จึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการก่อนครับ

และในช่วงนี้หมอก็แนะนำว่าควรพักขา หลีกเลี่ยงการวิ่งและการออกกำลังกายไปก่อนครับ