August 31, 2019 23:24
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
การหลั่งข้างนอก ( withdrawal ) เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ครับ
>>จากสถิติ ถ้าทำได้ถูกต้องเลยโอกาสจะตั้งท้องประมาณ 4% แต่โดยทั่วๆไป หรือตามความจริงแล้ว ขณะที่อวัยวะเพศชายสอดใส่ มักมีสเปิร์มออกมาพร้อมกับร้ำหล่อลื่นบ้างบางส่วนครับ ทำให้โอกาสจะตั้งครรภ์ในชีวิตจริงมีสูงถึง 22-27% ครับ
ดังนั้น หากไม่แน่ใจ และไม่ได้คุมกำเนิดโดยวิธีอื่นๆ ช่วย อาจจะต้องรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุดครับ
โดยหากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90%
ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ
และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินอีกวิธี ที่สามารถทำได้ หรือถ้าต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น จะเปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ
วิธีนี้ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติครับ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
การคุมกำเนิดโดยการหลั่งภายนอก เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ไม่แนะนำครับ วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 4-22 ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
การมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีหลั่งข้างนอก จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 20%ครับ
ที่คนไข้ทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพประมาณเกือบ 90% หากทานถูกวิธีภายในวันแรกครับ ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ทานครับ
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ อาจซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเองมาทดสอบครับ โดยเก็บปัสสาวะหลังตื่นนอนซึ่งเป็นปัสสาวะใหม่ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมาแม้ผลปกติครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกนั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ แต่ถ้าหากได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วโอกาสตั้งครรภ์ก็จะลดลงไปได้ประมาณ 75-85%
ในตอนนี้หมอแนะนำให้รอสังเกตประจำเดือนต่อไปก่อน ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศุภลักษณ์ แซ่จัง (พว.)
การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกมีโอกาสผิดพลาด และมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 27% ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยการทานยาคุมฉุกเฉินถือเป็นวิธีที่ถูกต้องค่ะ การทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 80-85 เปอร์เซ็นต์ ค่ะ ส่วนอาการตั้งครรภ์ในระยะแรกที่สังเกตได้ชัดคือประจำเดือนขาดค่ะ ส่วนอาการอื่นๆ เช่น คัดเต้านม คลื่นไส้อาเจียน หิวบ่อส พบได้ในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ
การมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งนอกมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4-22%ค่ะ ดังนั้นจึงควรทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินป้องกันค่ะ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85% หากทานภายใน 72 ชั่วโมงหรืออย่างช้าสุดไม่เกิน 120 ชั่วโมง สำหรับลักษณะหรืออาการคนท้องโดยทั่วๆไป ได้แก่ คัดตึงเต้านม หน้าท้องโตขึ้น ปัสสาวะบ่อย คลื่นไส้อาเจียน ไวต่อกลิ่น ความอยากอาหารเปลี่ยนไป อ่อนเพลียง่าย ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น อารมณ์แปรปรวน บริเวณใบหน้าคอรักแร้อวัยวะเพศมีสีคล้ำขึ้น ปวดศีรษะ เป็นต้นค่ะ อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้ไม่เฉพาะเจาะจงกับการตั้งครรภ์ค่ะ ถ้าจะทราบว่าตั้งครรภ์หรือไม่สามารถต้องได้จากปัสสาวะหรือเลือดค่ะ หรือไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าตั้งครรภ์หรือไม่ค่ะ สำหรับการตรวจการตั้งครรภ์จากปัสสาวะด้วยตนเองสามารถตรวจได้หลังมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 14 วันค่ะ โดยตรวจในตอนเช้าจะได้ผลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
หากมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน โดยไม่ได้มีการคุมกำเนิดมาก่อน มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ ฉะนั้นภายหลังมีความเสี่ยงไม่เกิน120ชั่วโมง ควรทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ครับ
โดยยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในกการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ89%ครับ แสดงว่ายังมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่จึงควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะภายหลังมีความเสี่ยงประมาณ14วันครับ โดยตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. มีอะไรกับแฟนแล้วหลั่งนอกแต่ก็มีเช็ดทำความสะอาดแล้วมีอะไรต่อ จะเกิดการตั้งครรภ์หรือเปล่าคะ
การหลั่งนอกเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพต่ำค่ะ โดยทั่วไป ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% นะคะ
และแม้จะมีการหลั่งออกไปแล้ว แต่คงรับประกันไม่ได้ว่าจะมีอสุจิเหลืออยู่เลย ดังนั้น ถ้ามีเพศสัมพันธ์อีกโดยไม่ป้องกันใด ๆ การมีเพศสัมพันธ์ในครั้งหลัง ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 85% ตามปกติค่ะ
2. แล้วถ้ากินยาคุมฉุกเฉิน (แบบเม็ดเดียว) ไปแล้วภายใน 24 ชม.หลังมีอะไรกันจะช่วยได้มากแค่ไหนคะ
ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานหลายเท่าค่ะ แม้จะใช้เร็วและครบขนาด ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% นะคะ
การนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้เพราะไม่อยากใส่ถุงยาง ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี และเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ
3. แล้วอาการตั้งครรภ์ระยะแรกอาการเป็นยังไงคะ สังเกตได้จากอะไรบ้างนอกจากประจำเดือนไม่มา
ตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือว่าอาจมีการตั้งครรภ์ ก็คือ การที่ไม่มีประจำเดือนมานะคะ
ซึ่งงานวิจัยชี้ว่า หากไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินมากกว่า 90% จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรืออาจคลาดเคลื่อน (เร็วหรือช้าก็ได้) ไม่เกิน 4 วันนะคะ
ส่วนหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอยที่อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน เป็นผลข้างเคียงจากยาค่ะ ไม่ได้สำคัญอะไร
ดังนั้น ถ้าไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มีอะไรกับแฟนแล้วหลั่งนอกแต่ก็มีเช็ดทำความสะอาดแล้วมีอะไรต่อ จะเกิดการตั้งครรภ์หรือเปล่าคะ แล้วถ้ากินยาคุมฉุกเฉิน(แบบเม็ดเดียว)ไปแล้วภายใน24ชม.หลังมีอะไรกันจะช่วยได้มากแค่ไหนคะ แล้วอาการตั้งครรภ์ระยะแรกอาการเป็นยังไงคะ สังเกตได้จากอะไรบ้างนอกจากประจำเดือนไม่มา
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)