หลังจากหายเป็นประจำเดือนแล้วกี่วันถึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้คะ

การมีเพศสัมพันธ์ถ้าไม่อยากตั้งครรภ์ควร คุมกำเนิดครับ อาจเป็นวิธีกินยาุคม ฉีดหรือฝังยาคุม

กรณีใส่ถุงยางจะสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ครับ
เช่น ซิฟิลิส หนองใน เริม HIV ไวรัสตับอักเสบบี

ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง หน้า7วันหลัง7วัน นับจากการมีประจำเดือนวันเเรก จะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อย เนื่องจากไข่ยังไม่ตก (ระยะปลอดภัย) ส่วนถ้ามีเพศสัมพันธ์ประมาณ14วันหลังมีประจำเดือนวันเเรก จะเป็นช่วงไข่ตก โอกาสตั้งครรภ์จะสูงครับ

ส่วนถ้ามีเพศสัมพันธ์ช่วงที่ประจำเดือนกำลังมา โอกาสตั้งครรภ์น้อย เเต่จะมีโอกาสติดเชื้อครับ

หมอขอเเนะนำวิธีคุมกำเนิดคร่าวๆนะครับ

ยาคุมกำเนิดรายเดือน คุมกำเนิดได้ดี มีประจำเดือนตามรอบ รุ่นใหม่ๆลดสิวได้ เเต่ต้องกินทุกวัน อาจลืมได้ ผลข้างเคียง มีเลือดออกกระปริบกระปรอย เกิดฝ้าได้ ต้องระวังในคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจ\หลอดเลือดสมอง

เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ปกติครับ เดือนหลังๆมักจะค่อยๆหายไปจนไม่มีประจำเดือน

ยาฉีดคุมกำเนิด ฉีดเข็มเดียวได้3เดือน คุมกำเนิดได้ดี เเต่อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอย น้ำหนักขึ้น สิวขึ้นได้ หากหยุดฉีดเเล้วต้องการให้ประจำเดือนมาปกติพร้อมที่จะมีลูกอีกครั้งใช้เวลานาน 9-12 เดือนครับ

ยาฝังคุมกำเนิด ฝังหนึ่งครั้งได้3-5ปี คุมกำเนิดได้ดี เเต่อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอยได้ ราคาค่อนข้างสูง เเต่สาธารณสุขเหมือนจะมีโครงการฝังฟรีครับ เวลาฝังอาจเจ็บได้ ต้องมาเอาออกเวลาครบกำหนด

การทำหมัน ชาย เเละ หญิง คุมกำเนิดได้ดี ไม่มีผลกระทบกับอารมณ์ทางเพศ เพียงเเต่เเก้ยากหากต้องการมีบุตรอีก ต้องทำโดยเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เป็นต้นครับ

สวัสดีค่ะ การมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ไม่ได้สัมพันธฺกับว่า มีเพศสัมพันธฺเมื่อไหร่หลังประจำเดือนหมดค่ะ และ มดลูกอักเสบ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ การได้รับการกระทบกระแทกที่รุนแรง เป็นต้น ซึ่ง หากคนไข้และคู่นอน มีเพศสัมพันอย่างปลอดภัย เช่น การใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ก็จะลดโอกาสการติดเชื้อซ้ำได้ค่ะ ดังนั้นืหากคนไข้มีอาการเลือดออกผิดปกติหลังมีเพศสัมพันธฺ จะต้องหาสาเหตุอื่นๆเพิ่มเติมอีกค่ะ
>>อาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่ได้อยู่ในระหว่างการมีประจำเดือนของผู้หญิง เป็นอาการที่ไม่ปกติ และจะต้องหาสาเหตุค่ะ ซึ่งสาเหตุที่เป็นไปได้มีดังนี้ค่ะ
1.บาดแผลที่เกิดขึ้นขณะมีเพศสัมพันธ์ค่ะ อาจจะท่าท่า ความรุนแรง หรือช่วงที่ทำช่องคลอดแห้ง ก็อาจจะมีเลือดออกได้ เลือดที่ออก อาจจะเล็กน้อย เช่น บาดแผลภายนอก หรือถ้ารุนแรงไปจนถึงช่องคลอดหรือป่กมดลูกฉีกขาด ก็อาจจะมีเลือดออกได้มาก
2.การ ติดเชื้อ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจทำให้มีเลือดออก และตกขาวที่ผิดปกติได้ เช่น การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส เป็นต้น คนไข้อาจจะมีเลือดออก ร่วมกับมีตกขาวสีผิดปกติ เช่นทสีเขียว สีเหลือง หรือตกขาวมีกลิ่นเหม็น อาจมีอาการแสบ คันช่องคลอด บางคน อาจมีปวดท้องน้อยหรือมีไข้ร่วมด้วย
3. ติ่งเนื้อในช่องคลอด / ปากมดลูก ( polyp) เมื่อโดนกระทบกระแทก อาจมีเลือดออกได้ง่าย
4. เนื้องอก ทั้งเนื้องอกที่เป็นมะเร็วและไม่เป็นมะเร็งในช่องคลอด หรือ ปากมดลูก
5. เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ อาจทำให้มีเลือกออกขณะ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ บางคนอาจมีอาการปวดประจำเดือนมากกว่าปกติด้วยค่ะ
6. ช่องคลอดแห้ง / ช่องคลอดอักเสบ อาจเกิดจาก ความไม่พร้อม/น้ำหล่อลื่นน้อย หรือ ขาดฮอร์โมนเพศ เช่น หลังผ่าตัดรังไข่ ผู้หญิงอายุมาก เป็นต้น
ยังมีอีกหลายสาเหตุ ที่อาจพบได้ค่ะ ซึ่งต้องใช้การตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และอาจจะต้องมีการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมค่ะ จึงแนะนำให้คนไข้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ รพ นะคะ