August 26, 2019 10:07
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ใส่ถุงยางเเม้ไม่ได้หลั่ง/หลั่งนอก แต่ถ้ามีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีโอกาสท้องครับ เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ครับ
......
ก่อนหน้าการมีเพศสัมพันธ์รอบนี้ ถ้าไม่ได้กินยาคุมหรือฉีดยาคุม\ฝังยาคุมอยู่ก่อนเเละยังไม่เกิน120ชม. นับจากการมีเพศสัมพันธ์
ครั้งนี้ให้พิจารณายาคุมฉุกเฉินครับ (ถ้าช้าจาก 120 ชม.กินยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ทันเเล้วครับ)
......
- ถ้าก่อนหน้านี้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ มีเพศสัมพันธ์ช่วง ก่อน7วันถึงหลัง7วัน นับจากวันที่ประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นระยะปลอดภัย ไม่มีไข่ตก โอกาสท้องน้อยมาก ก็อาจไม่ต้องกินยาคุมฉุกเฉินก็ได้ครับ ก็ให้รอประจำเดือนรอบถัดไปเลย ถ้ามาตามรอบก็คือไม่ท้องครับ
......
- เเต่ถ้าเดิมประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ กะเวลาตกไข่ยาก หรือมีเพศสัมพันธ์ไม่ไ้ป้องกันช่วงที่ไม่ใช่ระยะปลอดภัย โดยเฉพาะ14วันนับจากประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นช่วงไข่ตก โอกาสท้องจะมากกว่า กรณีนี้เเนะนำยาคุมฉุกเฉินครับ
............
ยาคุมฉุกเฉินซื้อได้ตามร้านขายยา ถ้ายังไม่เกิน 72 ชม (บางตำราให้120ชม) ก็ถือว่ายังมีประสิทธิภาพครับ.
หลังรับประทานยาจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ไปตรวจการตั้งครรภ์ครับ
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ชนิด 2เม็ด เช่น Postinor หรือ Madonna ได้สองวิธี
1.รับประทานทันที 2 เม็ด
2.รับประทาน 1 เม็ดทันที เเละรับประทาน เม็ดต่อไป ในอีก 12 ชม.
สองวิธีประสิทธิภาพไม่เเตกต่างกัน (หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte ก็กินเม็ดเดียวไปเลยครับ)
วิธีเเรกสะดวก แต่อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า
วิธีที่สอง อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อย เเต่ต้องดูเวลาดีๆ ครับ
.............
หากอาเจียนภายใน 2 ชม.หลังกินยา ต้องกินใหม่นะครับ เพราะยายังไม่ได้ดูดซึม
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา
หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แต่ถ้าสวมใส่ถุงยางอนามัยแต่ไม่กินยาคุมแบบนี้โอกาสการตั้งท้องน้อยลงรึเปล่าคะ
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
การตั้งครรภ์ ในผู้หญิงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการตกไข่ในผู้หญิง และมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีการตกไข่เท่านั้น (ส่วนใหญ่ในช่วงประมาณ14วันนับจากประจำเดือนวันแรกครับ) ถ้ามีการสอดใส่ หรือไม่มีการป้องกัน ก็จะมีโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ครับ
โดยการมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีหลั่งข้างนอก จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 20%
แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ (ทานอย่างช้าไม่ควรเกิน72ชั่วโมง ช้าสุด120ชั่วโมงครับ) เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ครับ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มีสองแบบครับ คือ
-แบบฮอร์โมนเดี่ยว จะรับประทานครั้งละ 2 เม็ดพร้อมกัน
-แบบฮอร์โมนคู่ จะรับประทานสองครั้ง ห่างกัน12ชั่วโมง
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพประมาณเกือบ 90% หากทานถูกวิธีภายในวันแรกครับ ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ทานครับ
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมาแม้ผลปกติครับ
และแนะนำให้คุมกำเนิดก่อนมีเพศสัมพันธ์จะดีกว่าครับ เช่น ยาคุม ยาฝัง และใช้ถุงยางอนามัยครับ
เพราะยาคุมฉุกเฉินจะจะทำให้สภาพแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกเปลี่ยนแปลง ไม่ให้เกิดการปฏิสนธิหรือไม่ให้เกิดการฝังตัว และทำให้มีผลต่อฮอร์โมน ผู้ใช้อาจมี ประจำเดือนผิดปกติ คลื่นไส้ ถ้าใช้บ่อยเพิ่มความเสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ครับ
ส่วนการคุมกำเนิดแบบนับวัน จะมีเพศสัมพันธ์ได้ในวันที่ 1-7 นับตั้งแต่ประจำเดือนมาวันแรก และในวันที่ 21 จนถึงวันที่ประจำเดือนมาอีกรอบ จึงจะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อย
คุมกำเนิดด้วยวิธีนับวัน จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นครับ
จำเป็นต้องจดบันทึกรอบเดือนให้แม่นยำ และไม่เหมาะในการมีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แต่ถ้าสวมใส่ถุงยางอนามัยแต่ไม่กินยาคุมแบบนี้โอกาสการตั้งท้องน้อยลงรึเปล่าคะ
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
การหลั่งข้างนอก ( withdrawal ) เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ครับ
>>จากสถิติ ถ้าทำได้ถูกต้องเลยโอกาสจะตั้งท้องประมาณ 4% แต่โดยทั่วๆไป หรือตามความจริงแล้ว ขณะที่อวัยวะเพศชายสอดใส่ มักมีสเปิร์มออกมาพร้อมกับร้ำหล่อลื่นบ้างบางส่วนครับ ทำให้โอกาสจะตั้งครรภ์ในชีวิตจริงมีสูงถึง 22-27% ครับ
ดังนั้น หากไม่แน่ใจ และไม่ได้คุมกำเนิดโดยวิธีอื่นๆ ช่วย อาจจะต้องรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุดครับ
โดยหากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90%
ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ
และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินอีกวิธี ที่สามารถทำได้ หรือถ้าต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น จะเปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ
วิธีนี้ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติครับ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
————————
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แต่ถ้าสวมใส่ถุงยางอนามัยแต่ไม่กินยาคุมแบบนี้โอกาสการตั้งท้องน้อยลงรึเปล่าคะ
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
การคุมกำเนิดมีหลายวิธีครับ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันออกไป เช่น
- ยาฝังคุมกำเนิด เป็นการฝังยาเข้าไปที่บริเวณต้นแขนด้านใน วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 0.05
- การทำหมันถาวรชาย วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 0.10-0.15
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 0.2
- การทำหมันถาวรหญิง วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 0.5
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดทองแดง วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 0.6-0.8
- ยาฉีดคุมกำเนิด วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 0.2-6
- ยาเม็ดคุมกำเนิด วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 0.3-9
- แผ่นฮอร์โมนปิดผิวหนัง วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 0.3-9
- ถุงยางอนามัย เป็นวิธีเดียวที่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เมื่อใช้อย่างถูกวิธี วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 2-18
- การหลั่งภายนอก เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ไม่แนะนำครับ วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 4-22
- การนับระยะปลอดภัย เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ไม่แนะนำเช่นกันครับ วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 5-24
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แต่ถ้าสวมใส่ถุงยางอนามัยแต่ไม่กินยาคุมแบบนี้โอกาสการตั้งท้องน้อยลงรึเปล่าคะ
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ถุงยางอนามัยนอกจากช่วยคุมกำเนิด แล้วยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเอชไอวีได้ เกิน95%ครับ (มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆส่วนน้อย ที่ไม่สามารถกันได้ด้วยถุงยางอนามัย เช่น เริม, หูดหงอนไก่ เป็นต้นครับ)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แล้วยาคุมกำเนิดตัวไหนดี แนะนำหน่อยได้มั๊ยคะ
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
เทียบระหว่างการใช้ถุงยางอนามัยกับการทานยาคุมกำเนิด หากใช้อย่างถูกวิธีทั้งคู่ ถุงยางอนามัยมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยที่สุด 2% ส่วนยาคุมกำเนิดมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยที่สุด 0.3% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
การมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งนอก ไม่รับประทานยาคุมมีโอกาสตั้งท้องสูงมั๊ยคะ และช่วงระยะเวลาไหนที่การมีเพศสัมพันธ์ปลอดภัยมากที่สุด
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)