May 25, 2019 19:49
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการดังกล่าว ไม่ได้แสดงถึงอาการของโรคทะเร็งอย่างจำเพาะเจาะจงครับ
โดยปกติ รอบเดือนของเรา จะคลาดเคลื่อนอยู่ระหว่าง 21-35 วัน (บวกลบเจ็ดวันจากรอบก่อนๆ ) อยู่แล้วครับ ถ้ายังอยู่ในช่วงนี้ ก็ยังถือว่าปกติครับ แต่ถ้ามีความเครียด วิตกกังวล ซึ่งเกิดขึ้นได้ในคนทั่วไป ก็อาจทำให้คลาดเคลื่อนไปได้อีกครับ
ในกรณีประจำเดือนไม่มาตามปกติ หรือ ประจำเดือนขาดไป
-ถ้าคนไข้มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การใช้ถุงยางอนามัย หรือการคุมกำเนิดวิธีอื่นๆไม่ถูกต้อง หรือ ผิดพลาด ก็อาจตั้งครรภ์ได้ เบื้องต้นแนะนำว่า ให้ตรวจการตั้งครรภ์ก่อนนะครับ โดยการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะด้วยตนเอง สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
(การตรวจนั้น ต้องตรวจถุกต้องตามคำแนะนำและระยะเวลาที่เหมาะสมด้วยนะครับจึงจะเชื่อถือได้ครับ)
-ถ้าคนไข้ไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เลยหรือตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์. ปัจจัยที่จะทำให้ประจำเดือนที่เคยมา แล้วไม่มา หรือผิดปกติ มีหลายอย่างครับ ตัวอย่าง เช่น
1.ความเครียด การอดอาหารนานๆ และการออกกำลังกายอยางหักโหมมากเกินไป ทำให้ประจำเดือนขาดได้ครับ พบได้บ่อยที่สุด
2.การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด แบบฉีด หรือยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช
3.โรคทางระบบสืบพันธ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ ( PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ หรือ การ ติดเชื้อ ทางเพศสัมพันธ์ อาจมำให้มีอาการปวดท้อง หรือ ตกขาว ที่ผิดปกติได้ ซึ่ง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย
4.ฮอร์โมน ไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งจะต้องทีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือ ฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ อาจทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มา หรือมาแบบกระปริบกระปรอย เป็นต้นครับ
5. โรคทางการกินที่ผิดปกติ (anorexia) ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง หากอดอาหาร หรือทานอาหารไม่ถูกวิธีนานๆ จะทำให้ขาดประจำเดือนได้ครับ
ถ้าคนไข้มีอาการต่างๆที่ผิดปกติดังที่กล่าวไป แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
หากประจำเดือนมาล่าช้ากว่าปกติ และไม่ได้เป็นมาติดต่อกันนานเกิน 3 ครั้ง ก็ให้รอดูอาการก่อนได้ครับ หากเกิน 3 เดือนประจำเดือนไม่มา แนะนำให้ไปตรวจร่างกาย และตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
อนึ่ง การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกาย จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีและทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอครับ
>>กรณีมีอาการถ่ายเป็นเลือดสด ส่วนใหญ่มักจะคิดถึงโรคของลำไส้ใหญ่ หรือโรคบริเวณทวารหนักมากที่สุด เช่น
1.โรคริดสีดวง ก็มีโอกาสถ่ายเป็นเลือดได้ แม้ท้องไม่ผูก ลักษณะเป็นเลือดสดตามหลังการถ่ายอุจจาระ อาจจะไม่มีอาการเจ็บปวดหรือถ้ามีแผลขอบรูทวารหนักอาจะจ็บได้ค่ะ เนื่องจากอุจจาระแข็งก็สามารถขูดให้เลือดไหลได้ครับ
2.ส่วนอีกโรคที่มักพบได้บ่อยๆคือ มีแผลบริเวณรูทวาร ซึ่งเกิดจากอุจจาระแข็ง หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก จะทำให้เกิดแผลบริเวณรูทวาร และทำให้มีอาการถ่ายเป็นเลือดสดและเจ็บบริเวณรูทวารได้ครับ
3.การติดเชื้อทางเดินอาหารมักมี อาการปวดท้อง ท้องเสียถ่ายเหลวถ่ายเป็นเลือด ปวดบิดๆ
เบื้องต้น หากทีอาการเป็นเหมือนข้อสามให้ไป รพ เนื่องจากต้องตรวจร่างกายเพิ่มเติมและรักษาโดยให้ยาฆ่าเชื้อครับ
>>การรักษาเบื้องต้น สำหรับโรคริดสีดวงและแผลขอบรูทวาร คือ การรักษาความสะอาด โดยการนั่งแช่นก้นในอ่างน้ำอุ่น กินยาระบายให้อุจจาระไม่แข็ง นั่งอุจจาระอย่างถูกวิธี อาการมักจะดีขึ้นภายใน 3-5 วัน หากไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
มีโอกาสที่จะหายมั้ยและขอวิธีรักษา
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
ริดสีดวงทวาร คือการโป่งพองของเส้นเลือดดำที่รูทวารหนักครับ เกิดจากการที่มีแรงดันในช่องท้องมากขึ้น เช่น มีอาการท้องผูกนั่ง ถ่ายนาน หรือมีอาการนั่งเบ่งนานครับ
อาการคือ คนไข้จะมีอาการถ่ายเป็นเลือดสด อาจมีอาการเจ็บ ปวดหรือไม่ก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่จะไม่เจ็บครับ บางคนจะมีปัญหาพบร่วมกับแผลขอบรูทวารด้วยได้ โดยปกติ ริดสีดวงมีสี่ ระดับครับ
>>การรักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก แพทย์จะตรวจร่างกาย เพื่อแยกชนิดของโรคและความรุนแรงของโรคในเบื้องต้นทและให้คำแนะนำและรักษาอย่างเหมาะสมครับ
>>การรักษาโรคริดสีดวงทวาร มีหลายแบบ คือ
1. รักษาอาการท้องผุก ได้แก่ ทานอาหารที่่มีกากใยมากๆ ดื่มน้ำเยอะๆ
2. ยาระบาย เช่น MOM , fiber เช่น senokot ต่างๆ อาจต้องใช้เป็นประจำสัก 1-2 สัปดาห์เพื่อให้อุจจาระอ่อนนุ่มขึ้น ลดการบาดรูทวารครับ
อย่างที่ 1 และ 2 คนไข้ จะต้องทำทุกคน เพื่อลดอาการของโรคและเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำครับ
3. ยาลดอาการปวดรูทวาร เช่น ไนโตรกลีเซอริน ก็ช่วยได้ครับ ในกรณีมีแผลขอบรูทวารร่วมด้วย
4. การใช้ยา ซึ่งควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้นครับเนื่องจากหากมีโรคประจำตัวอื่นๆ อาจมีอันตรายได้
5.หากมีอาการปวดรูทวารเวลาอุจจาระ อาจนั่งแช่น้ำอุ่นในกะละมังทุกวัน 10-15 น่ที เพื่อช่วยลดการปวดได้ครับ
>>หากเป็นนาน รักษาเบื้องต้นด้วยการปรับวิถีชีวิตประจำวันแล้วไม่ดีขึ้น สามารถปรึกษาคุณหมอศัลยกรรมเพื่อประเมินอีกครั้ง อาจมีการรักษาเพิ่มเติม เช่น การผ่าตัด การรัดยาง เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอนนี้เราเป็นแบบนี้เลย ประจำเดือนขาดแล้วล่าสุดถ่ายเป็นเลือด สรุปคนตั้งกระทู้ถามเป็นอะไรมั้ยคะ
ตอนนี้เราเป็นแบบนี้เลย ประจำเดือนขาดแล้วล่าสุดถ่ายเป็นเลือด สรุปคนตั้งกระทู้ถามเป็นอะไรมั้ยคะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เมนส์ไม่มา ปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือดด้วยแบบนี้เป็นมะเร็งมั้ย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)