ความหมายของตกขาว
ตกขาว มีลักษณะเป็นมูกใสๆ หรือเป็นของเหลวคล้ายแป้งสีขาวซึ่งถูกหลั่งออกมาจากต่อมต่างๆ ภายในปากมดลูกและผนังช่องคลอด มักพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
ตกขาวเป็นอีกสาเหตุทำให้สาวๆ หลายคนหมดความมั่นใจ และยังก่อให้เกิดความระคายเคืองบริเวณจุดซ่อนเร้นด้วย ซึ่งปกติแล้ว ตกขาวจะมีปริมาณมากในช่วงไข่ตก และกลับมาอีกครั้งในช่วงใกล้มีประจำเดือน แต่อาจอยู่ในรูปของมูกใสแทนของเหลวสีขาว
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ความแตกต่างระหว่างตกขาวปกติและตกขาวผิดปกติ
1. ตกขาวปกติ หรือตกขาวธรรมดา
ตกขาวธรรมดาจะไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่ก่อให้เกิดอาการคัน ไม่มีความผิดปกติอื่นๆ ร่วม เช่น มีไข้ ปวดท้อง หรือปวดปัสสาวะบ่อย อีกทั้งปริมาณจะขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเพศหญิงที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามรอบประจำเดือน แต่โดยปกติแล้ว ตกขาวจะมีปริมาณเล็กน้อยเพื่อให้ช่องคลอดชุ่มชื้น และอาจมีกลิ่นบ้างตามลักษณะกลิ่นตัวของแต่ละคน
2. ตกขาวผิดปกติ
ตกขาวผิดปกติจะมีปริมาณมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งลักษณะสีและกลิ่นก็จะเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะโดยจากปกติตกขาวมักจะสีใส หรือไม่มีสีเลย ซึ่งหากตกขาวมีความผิดปกติก็จะเปลี่ยนลักษณะไปดังนี้
- สีเหลือง
- สีเขียว
- สีขุ่น
- ข้นเป็นก้อน
- เป็นมูกเลือด
- มีหนอง
- มีฟองปนออกมาจำนวนมาก
- มีกลิ่นเหม็นคล้ายปลาเน่า
- มีอาการคันและปวดแสบปวดร้อนบริเวณปากช่องคลอด
นอกจากนี้ ผู้ที่มีตกขาวผิดปกติยังอาจมีอาการไข้ขึ้น รู้สึกปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อย และมีอาการเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย
สีของตกขาวบอกถึงอะไรได้บ้าง
1. ตกขาวสีขาว
เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการตกไข่ แต่หากตกขาวเปลี่ยนเป็นน้ำ และไหลเป็นฟองออกมา รวมถึงมีอาการคันร่วมด้วย ก็อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรืออาการอักเสบภายในช่องคลอดได้
2. ตกขาวเป็นก้อนสีขาว
เกิดจากการติดเชื้อราที่มีชื่อว่า "แคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida albicans)" ส่งผลให้ตกขาวมีลักษณะเป็นก้อนสีขาวข้น หรือสีเหลืองขาวคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นแต่ไม่คาว อาจทำให้ปัสสาวะแสบขัด หรือแสบคันได้ในบางครั้ง มักจะเกิดกับผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรือใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานๆ
3. ตกขาวสีเหลือง
ตกขาวสีเหลืองสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และจะมีลักษณะรวมถึงกลิ่นที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- การติดเชื้อไวรัส: มีสีเหลืองและมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ มักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อไวรัสจากโรคเริม ทำให้มีตุ่มน้ำใสๆ ขนาดเล็ก และจะแตกออกกลายเป็นแผลแสบคัน
- การติดเชื้อแบคทีเรีย: มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เช่นเดียวกัน ซึ่งจุดเด่นที่สังเกตได้ชัดเจนคือ มีกลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นคาวปลา และอาจมีอาการคันร่วมด้วย
- การติดเชื้อรา: เกิดจากการติดเชื้อราแคนดิดา อัลบิแคนส์
- การติดเชื้อหนองใน: เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “ไนซีเรีย โกโนเรียอี (Neisseria gonorrhoeae)" ทำให้มีปริมาณตกขาวมากขึ้น มีลักษณะเป็นหนองสีเหลืองหรืออาจมีสีเขียวปน ส่งผลให้มีกลิ่นเหม็นแต่ไม่คัน อีกทั้งยังทำให้มีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะได้
- การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด: ตกขาวที่เกิดขึ้นจากสาเหตุนี้มักมีสีเขียว แต่บางครั้งก็เป็นสีเหลืองได้ นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ช่องคลอดเกิดการติดเชื้อพยาธิและทำให้เกิดตกขาวได้อีก เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า "คลามายเดีย (Chlamydia)" ซึ่งจะทำให้ปากมดลูกหรือช่องคลอดเกิดการอักเสบ แต่จะพบได้ไม่บ่อยเท่าสาเหตุอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
4. ตกขาวสีเขียว
สามารถเกิดขึ้นได้จากแบคทีเรียหลายชนิด แต่ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อพยาธิประเภทโปรโตซัวชื่อว่า “ทริโคโมแนส วาจินาลิส (Trichomonas vaginalis)" ซึ่งมักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ตกขาวชนิดนี้จะทำให้มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เป็นฟอง มีอาการคันและแสบแดงที่บริเวณอวัยวะเพศร่วมด้วย และผู้ป่วยบางรายจะมีอาการปัสสาวะขัด รวมถึงมีปริมาณตกขาวมากผิดปกติ
5. ตกขาวสีเทา
เกิดจากการลดลงของแบคทีเรียชนิด "แลคโตบาซิลไล (Latobacilli)" ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อโรคในช่องคลอด ทำให้แบคทีเรียก่อโรคมีจำนวนเพิ่มขึ้นจนช่องคลอดเกิดการอักเสบ
ตกขาวชนิดนี้จะมีสีขาวปนเทาอ่อน มีกลิ่นเหม็นคล้ายกับกลิ่นปลาเค็ม และมักจะมีกลิ่นรุนแรงขึ้นหลังหมดประจำเดือนใหม่ๆ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ ตกขาวสีเทายังมักจะสอดคล้องกับปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น
- การคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย
- การสวนล้างช่องคลอด
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- การรับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
6. ตกขาวสีน้ำตาล
อาจเกิดจากตกขาวที่ปนออกมากับเลือดซึ่งออกผิดปกติ โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- อาการเลือดออกจากการตกไข่ มักเกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์หลังมีประจำเดือนวันแรก และอาจมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วยก็ได้
- อาการเลือดออกจากประจำเดือนที่มาช้า หรือมาไม่ตรงรอบ
- เลือดออกที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อน มักจะเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 หลังจากที่มีประจำเดือนวันแรก แต่จะไม่มีอาการปวดท้อง และเลือดจะมีลักษณะเป็นเลือดสีน้ำตาลที่ปริมาณไม่มากนัก
นอกจากนี้ การตั้งครรภ์นอกมดลูกก็อาจทำให้มีอาการเลือดออกกระปริบกระปรอย และมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย รวมถึงอาจเกิดจากการติดเชื้อที่ช่องคลอด หรือบริเวณปากมดลูก ซึ่งทำให้มีกลิ่นเหม็น และมีเลือดเป็นสีน้ำตาลปนมาจากเลือดเก่า
7. ตกขาวสีชมพู
เป็นลักษณะตกขาวที่อาจอยู่ในรูปแบบเลือดสีชมพูอ่อนๆ พบได้มากในหญิงที่กำลังจะตั้งครรภ์ ซึ่งเกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก จนส่งผลให้มีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด เลือดชนิดนี้คนไทยมักเรียกในชื่อว่า "เลือดล้างหน้าเด็ก" แต่ว่าตกขาวชนิดนี้อาจทำให้ว่าที่คุณแม่หลายรายเข้าใจผิดว่าตนไม่ได้ตั้งครรภ์ได้ เพราะคิดว่าเลือดสีชมพูที่ออกมานั้นคือ ประจำเดือนนั่นเอง
ตกขาวอาจดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน แต่หากคุณมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับตกขาวก็ไม่ควรมองข้าม เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนให้คุณต้องระวังเกี่ยวกับสุขอนามัยของตนเองมากขึ้น หรือหากคุณไม่มั่นใจ ก็ควรเข้ารับการปรึกษาจากสูตินรีแพทย์ เพื่อหาทางรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
ดูแพ็กเกจตรวจภายใน มะเร็งปากมดลูก และรังไข่ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัพเดทแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android