อาการตกขาวเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าตกขาวมีสีและกลิ่นผิดปกติ ร่วมกับมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย แสดงว่าคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพและตกขาวผิดปกติ โดยเฉพาะอาการตกขาวสีเขียวนั้น เป็นอาการที่ส่อว่าอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อหนองใน หรือติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด
ตกขาวสีเขียวเกิดจากอะไร?
ตกขาวสีเขียว เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ ที่พบบ่อยที่สุด คือ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด อาการส่วนใหญ่คือมีตกขาวสีเขียว แต่ก็อาจมีตกขาวสีเหลืองปนได้เช่นกัน เกิดการอักเสบในช่องคลอด แสบ คัน และเจ็บที่อวัยวะเพศ รวมถึงอาจมีอาการปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วย
เชื้อพยาธิที่พบว่าเป็นสาเหตุของอาการตกขาวสีเขียว คือ เชื้อทริโคโมแนส วาจินาลิส (Trichomonas vaginalis) ซึ่งเป็นเชื้อโปรโตซัวชนิดหนึ่ง ติดต่อกันได้ผ่านทางเพศสัมพันธ์ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายก็จะทำให้มีอาการตกขาวผิดปกติ เป็นสีเหลือง หรือ สีเขียว - การติดเชื้อหนองใน ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า ไนซีเรีย โกโนเรียอี ผู้ป่วยที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการตกขาวสีเหลือง หรือ สีเขียว และอาจมีเลือดปนได้
อาการคัน หรือไม่คัน ร่วมกับตกขาวสีเขียว จะเป็นการบ่งชี้ว่าเป็นโรคอะไรหรือเปล่า?
การมีตกขาวสีเขียว อาจไม่มีอาการคันร่วมด้วย หรือเกิดร่วมกับอาการคันช่องคลอดก็ได้ โดยส่วนใหญ่อาการตกขาวสีเขียวที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิจะมีอาการคัน แต่ถ้ามีเพียงตกขาวสีเขียว ไม่มีกลิ่น และไม่มีอาการคัน อาจเป็นได้ว่าเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆ
ทั้งนี้ อาการตกขาวสีเขียวยังอาจเกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติ เป็นต้น
มีตกขาวสีเขียวหลังจากมีประจำเดือน เป็นอันตรายหรือไม่?
โดยปกติแล้ว หลังมีประจำเดือน ผู้หญิงสามารถมีอาการตกขาวได้ ตกขาวที่ปกติจะเป็นมูกขาว หรือมูกสีขาวใส ไม่มีกลิ่น
แต่ถ้าหากหลังมีประจำเดือนมีตกขาวปริมาณมากและมีสีเขียว อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา
ถ้าตกขาวสีเขียวออกมาเยอะมาก ต้องรักษาอย่างไร? กินยาอะไรดี?
การรักษาอาการตกขาวผิดปกติ ต้องรีบไปพบแพทย์หรือสูตินรีแพทย์ เพื่อทำการตรวจรักษาและยืนยันสาเหตุของการติดเชื้อก่อน จากนั้นแพทย์จะทำการสั่งยาฆ่าเชื้อที่เป็นต้นเหตุ เช่น
- หากเกิดจากการติดเชื้อพยาธิ สามารถรักษาด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ คือ เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) แต่จะให้ขนาดสูงกว่ากรณีติดเชื้อแบคทีเรีย คือ 2,000 มิลลิกรัม รับประทานครั้งเดียว หรือ Tinidazole 2 กรัม รับประทานครั้งเดียว และควรรักษาคู่นอนด้วย
แต่ก็สามารถให้ยา (Metronidazole) 500 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น เป็นเวลาติดต่อกัน 7 วัน เป็นการรักษาทางเลือกได้เช่นกัน - หากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้รับประทานยาปฏิชีวนะ เช่น เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) 500 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น เป็นเวลาติดต่อกัน 7 วัน
หรือยาปฏิชีวนะในกลุ่มใกล้เคียง เช่น คลินดามัยซิน (Clindamycin) 300 mg รับประทาน วันละ 2 ครั้ง นาน 7 วัน หรือใช้เป็นแบบสอดเข้าทางช่องคลอดก็ได้
นอกจากอาการตกขาวสีเขียวที่พบบ่อย ทั้ง 2 ชนิดแล้ว ถ้ามีอาการตกขาวเป็นสีเขียวแต่ไม่มีอาการคัน ไม่มีกลิ่น ให้คุณลองสังเกตดูว่า ตกขาวที่ออกมาใหม่ๆ เป็นอย่างไร
ถ้าตอนแรกตกขาวเป็นสีขาว ไม่มีกลิ่น แล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเขียวเมื่อสัมผัสอากาศภายนอก อาจจะเป็นตกขาวปกติที่ไม่จำเป็นต้องรักษาก็ได้ ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัย ควรจะสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย และควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยจะเป็นการดีที่สุด
ดูแพ็กเกจตรวจภายใน มะเร็งปากมดลูก และรังไข่ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android