ตกขาวคืออะไร?
ตกขาว (Leucorrhoea) คือ ภาวะที่มีของเหลว ลักษณะขาวใส หรือ มูกใสสีขาวปริมาณเล็กน้อย ไหลออกมาจากช่องคลอด ซึ่งเป็นภาวะปกติที่เกิดจากเยื่อบุผิวผนังด้านในช่องคลอดจะสร้างเยื่อเมือกซึ่งมีลักษณะคล้ายแป้งออกมาเพื่อช่วยหล่อลื่นช่องคลอด รวมถึง ช่วยป้องกันเชื้อโรคและขับสิ่งแปลกปลอมออกมาจากช่องคลอด
ตกขาวเกิดขึ้นในช่วงไหนได้บ้าง?
โดยปกติ เมือกใสนี้จะถูกขับออกมาในแต่ละรอบเดือน ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกายเปลี่ยนแปลงสภาพไป เช่น ในช่วงกลางของรอบเดือนช่วงเวลาใกล้ไข่ตกน้ำเมือกในช่องคลอดจะเหลวใส ปริมาณมาก ส่วนช่วงเวลาอื่นๆ น้ำเมือกจะขุ่นข้นคล้ายแป้ง ซึ่งมีปริมาณมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ซึ่งอาการนี้เป็นอาการตกขาวปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้ในสตรีทุกคนในช่วงเวลาไข่ตกหรือใกล้มีรอบเดือนนั่นเอง
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อาการแบบไหนที่เรียกว่าตกขาวผิดปกติ?
อาการตกขาวผิดปกติ คือ ภาวะที่น้ำเมือกมีลักษณะแตกต่างไปจากเดิม เช่น มีปริมาณขาวขุ่นมากผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น และเป็นอยู่นาน รวมถึงตกขาวที่มีสีผิดปกติ เช่น ปนมูกเลือด ปนหนอง มีสีกลิ่นผิดปกติ มีฟอง บางรายมีกลิ่นเหม็นคาว เหม็นเน่า มีกลิ่นอับ เหม็นเค็มคล้ายปลาเค็ม หรือ กลิ่นเหม็นเปรี้ยว ร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น มีอาการคัน มีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณปากช่องคลอด ปวดท้องน้อย หรือมีอาการปัสสาวะแสบขัด หากเป็นแล้วควรพบแพทย์ทันที
ตกขาวบอกปัญหาสุขภาพอะไรได้บ้าง?
สีของตกขาวสามารถบ่งบอกสาเหตุและอาการปกติได้ดังนี้
- ตกขาวสีขาวใส หรือ มูกใส หรือไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไม่มีอาการคัน หรือ อาการผิดปกติในช่องคลอดร่วมด้วย ถือว่า เป็น “ตกขาวปกติ”
- ตกขาวสีขาวขุ่น เป็นน้ำใส ไหลออกมาเป็นฟอง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเกิดจากการอักเสบของช่องคลอด
- ตกขาวปนเทา มีกลิ่นเหม็นอับคล้ายกลิ่นคาวปลาเค็ม กลิ่นมักจะรุนแรงหลังการร่วมเพศหรือหลังหมดประจำเดือนใหม่ๆ ระดับความรุนแรงของกลิ่นจะแตกต่างกันออกไป บางคนไม่มีกลิ่น บางคนก็มีกลิ่นแรงจนคนใกล้ตัวได้กลิ่น อาจมีอาการระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด และเจ็บช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis) พบได้ในคนที่สวนล้างช่องคลอดบ่อย หรือ ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- ตกขาวเป็นสีขาวข้นคล้ายคราบนม หรือเป็นสีเหลืองขาว เป็นก้อนคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่มีกลิ่นคาว ร่วมกับแสบคันในช่องคลอด หรือคันที่อวัยวะเพศ เกิดจากเชื้อรา Candida albicans ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคคือโรคเบาหวาน การใช้ยาปฎิชีวนะเป็นเวลานาน การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น และภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
- ตกขาวเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว มีกลิ่นเหม็นออกเปรี้ยวเล็กน้อย ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง เกิดจากการติดเชื้อทริโคโมแนส หรือเชื้อพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis)
- ตกขาวสีน้ำตาล หรือ ตกขาวปนเลือด อาจเกิดจากการมีเลือดออกผิดปกติแล้วปนออกมากับตกขาว อาจเกิดจากการติดเชื้อที่ปากมดลูกหรือช่องคลอด
- ตกขาวสีชมพู มักพบได้ในหญิงหลังคลอด เนื่องจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก หรืออาจเป็นสีของเลือดล้างหน้าเด็กซึ่งมักจะเป็นสีชมพูจางๆ ถือว่าปกติ
การรักษาตกขาว
หากคุณมีตกขาวร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ ให้รีบไปพบแพทย์หรือสูตินรีแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อทำการตรวจภายในช่องคลอดและให้การรักษาไปตามสาเหตุที่ตรวจพบ ซึ่งการรักษาทั่วไปมีดังนี้
- การให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ โดยตัวอย่างยาที่อาจเลือกใช้ในการรักษาตามสาเหตุของโรคมีดังนี้
- ตกขาวจากแบคทีเรีย ให้รับประทานยาเมโทรไนดาโซล (Metronidazole) 500 มิลลิกรัม วัน 2 ครั้ง นาน 7 วัน ได้ผลประมาณ 95%
- ตกขาวจากการติดเชื้อรา ให้ยาเหน็บช่องคลอดโคลไตรมาโซล (Clotrimazole vaginal tablets) ขนาด 100 มิลลิกรัม สอดทางช่องคลอดวันละ 1 ครั้ง นาน 7 วัน หรือสอดครั้งละ 2 เม็ด นาน 3 วัน มีประสิทธิภาพ 85-90%
- ตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิหรือโปรโตซัว ให้รับประทานยา เช่น เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) 2,000 มิลลิกรัม เพียงครั้งเดียว หรือแบ่งให้ครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม ในตอนเช้าและตอนเย็นเพื่อลดอาการคลื่นไส้อาเจียนซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนของยา เป็นต้น การรักษานี้มีประสิทธิภาพ 82-88% (ถ้ารักษาทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะมีประสิทธิภาพมากกว่า 95%)
- การปฏิบัติทั่วไปในการรักษาและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ได้แก่
- ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบและไปตรวจตามนัด
- รักษาความสะอาดของช่องคลอด อวัยวะสืบพันธุ์ ไม่ให้อับชื้น ล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังขับถ่ายแล้วซับให้แห้ง ไม่ควรโรยแป้งหรือน้ำหอมใดๆ หากมีรอบเดือนห้ามใช้ผ้าอนามัยแบบสอดเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหาย ถ้าจำเป็นให้สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง
- ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะตกขาวมีหลายสาเหตุ ถ้ารักษาไม่ตรงตามสาเหตุอาจไม่หายและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา การรับประทานอาหารหมักดอง ตลอดห้วงการรักษา
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ดูแลสุขอนามัยให้สะอาด และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตัวเองต่อไป