ทำไมโรคซึมเศร้าถึงทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้า?

เผยแพร่ครั้งแรก 25 ก.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
ทำไมโรคซึมเศร้าถึงทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้า?

การเป็นโรคซึมเศร้าสามารถทำให้เรารู้สึกเหนื่อย และทำให้กิจกรรมง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยาก ซึ่งมีการรายงานว่า คนที่เป็นโรคซึมเศร้ามากกว่า 90% มีอาการเหนื่อยล้า สำหรับบทความในวันนี้ เราจะพาคุณไปดูความเชื่อมโยงระหว่างโรคซึมเศร้าและอาการเหนื่อยล้าพร้อมกับแนะนำวิธีรักษา

สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีอาการอ่อนเพลีย

การเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอาการทั่วไปของโรคซึมเศร้า ซึ่งคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามีแนวโน้มที่จะอ่อนเพลีย และคนที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังก็มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้ยากที่จะหยุดวงจรนี้ได้ อย่างไรก็ดี สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ารู้สึกเหนื่อยล้ามีดังนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

1.ปัญหาเกี่ยวกับการนอน

การนอนเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูร่างกายและเติมพลังงาน อย่างไรก็ดี การนอนไม่พอเพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า แต่มันกลับเพิ่มความเสี่ยงและสามารถทำให้อาการของโรคซึมเศร้าแย่ลง และต่อให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้านอนอย่างเพียงพอ แต่พวกเขาอาจไม่ได้ตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น เพราะคุณภาพการนอนมักต่ำกว่าคนที่ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า อย่างไรก็ดี มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า มีหลายคนที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคทางจิตอื่นๆ อย่างโรคไบโพลาห์ โรคนอนไม่หลับ และโรคนอนเกิน นอกจากนี้ภาวะหยุดหายใจขณะหลับก็มีความเชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้า ซึ่งมีงานวิจัยเมื่อปี ค.ศ.2015 พบว่า โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในคนที่ตกอยู่ในภาวะหยุดหายใจขณะหลับและทำให้โรคมีความรุนแรงมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น งานวิจัยยังพบด้วยว่า การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับช่วยให้อาการของโรคซึมเศร้าดีขึ้น

2.อาหาร

นักวิจัยได้พิจารณามานานแล้วว่าอาหารส่งผลต่อสุขภาพจิตหรือไม่ ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า อาหารที่มีคุณภาพสูงอย่างอาหารที่มีสารช่วยต้านการอักเสบอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้า ในขณะที่เนื้อแดง เนื้อแปรรูป ธัญพืชที่ขัดสีแล้ว ของหวาน และอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพชนิดอื่นๆ อาจทำให้คนเสี่ยงต่อการมีอาการของโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้น

3.ความเครียด

เหตุการณ์ในชีวิตที่ทำให้เราเครียดสามารถนำไปสู่การเกิดโรคซึมเศร้า ความเครียดสามารถส่งผลต่อระดับของเซโรโทนินและโดพามีน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่มีส่วนสำคัญในการควบคุมอารมณ์และพลังงาน สำหรับตัวอย่างของเหตุการณ์ที่ทำให้เราเครียด เช่น การเลิกรากับคนรัก การยุติความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิท การตาย ปัญหาทางการเงิน การเปลี่ยนงาน การถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้าย ฯลฯ นอกจากนี้ความเครียดยังทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย ซึ่งสามารถนำไปสู่การเป็นโรคนอนเกินและมีอาการอ่อนเพลีย รวมถึงทำให้เราปลีกตัวจากกิจกรรมทางสังคมและทำให้คิดสิ่งต่างๆ ได้ไม่ชัดเจน

4.ยา

 ยารักษาโรคซึมเศร้ามีผลต่อสารสื่อประสาทของสมอง โดยช่วยให้เราควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น แม้ว่ายามีประโยชน์ดังกล่าว แต่ยารักษาโรคซึมเศร้าบางชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง และหนึ่งในอาการที่พบได้ก็คือ การมีอาการอ่อนเพลียมากนั่นเอง

ภาวะแทรกซ้อน

การมีอาการเหนื่อยล้าเรื้อรังสามารถทำให้อาการของโรคซึมเศร้าเกิดนานและรุนแรงขึ้น ทั้งนี้มีงานวิจัยเมื่อปี ค.ศ.2015 พบว่า ในจำนวนคนที่เป็นโรคซึมเศร้า 1,982 คน มี 653 คนที่มีอาการเหนื่อยล้า ซึ่งคนที่เหนื่อยล้ามีอาการของโรคซึมเศร้า อาการปวด การมีปัญหาเกี่ยวกับการนอน และโรควิตกกังวลรุนแรงกว่า นอกจากนี้คนที่รู้สึกเหนื่อยล้ายังต้องทานยามากขึ้น และสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจต่ำกว่าคนที่ไม่มีอาการดังกล่าว

วิธีรับมือ

1.ไปพบแพทย์

วิธีรักษาโรคซึมเศร้าและอาการอ่อนเพลียที่ดีที่สุดคือ การไปพบแพทย์ แม้ว่ามีวิธีรับมืออื่นๆ ที่สามารถช่วยได้เช่นกัน แต่การวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์อย่างเหมาะสมก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ทั้งนี้แพทย์สามารถช่วยตัดสินได้ว่าอาการอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่นๆ หรือเป็นผลข้างเคียงจากการทานยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า หากยาคือตัวการ การเปลี่ยนชนิดของยาก็อาจช่วยให้อาการดีขึ้น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

2.ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายสามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลียโดยช่วยให้เรานอนหลับดีขึ้น ซึ่งมี Meta-Analysis พบว่า การออกกำลังกายแบบหนักปานกลางมากกว่า 20 นาที สามารถเพิ่มพลังงานและลดความอ่อนเพลีย

3.ช่วยให้คุณภาพการนอนดีขึ้น

การนอนที่มีคุณภาพดีสามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้ ซึ่งการฝึกสุขลักษณะการนอนที่ดีสามารถช่วยให้ผู้ป่วยจัดการกับอาการอ่อนเพลียที่เกิดตอนเป็นโรคซึมเศร้า อย่างไรก็ตาม คำว่าสุขลักษณะการนอนที่ดีหมายถึงการมีนิสัยบางอย่างที่ช่วยให้เรามีคุณภาพการนอนดีขึ้น ตัวอย่างเช่น หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ใกล้เวลาเข้านอน จำกัดการนอนงีบช่วงกลางวัน ไม่ทานอาหารแบบจัดเต็มใกล้เวลาเข้านอนและตื่นให้ได้เวลาเดิมทุกวัน นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกไปไว้นอกห้อง ออกกำลังกายเป็นประจำ ฯลฯ

4.ทานอาหารให้สมดุล

เมื่อเรามีแรงกระตุ้นต่ำและเบื่ออาหาร มันก็เป็นเรื่องยากที่เราจะทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงสามารถทำให้อาการแย่ลงโดยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงและรบกวนการนอน ทั้งนี้การทานอาหารที่ช่วยให้เรามีอารมณ์ดีและช่วยเพิ่มพลังงานสามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลีย ตัวอย่างของอาหาร เช่น ผักใบเขียว ปลาที่มีไขมันสูง ชาเขียว บลูเบอร์รี โยเกิร์ต โปรไบโอติก ช็อกโกแลต ฯลฯ อย่างไรก็ตาม คนที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังที่เกิดจากโรคซึมเศร้าควรรีบไปพบแพทย์ เพราะหากไม่รีบรักษาตัว มันก็อาจทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมาอย่างการปลีกตัวออกจากสังคมและการทำงาน

ที่มา: https://www.medicalnewstoday.c...


8 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
What Is Fatigue? Symptoms, Causes, Treatment & Tests. MedicineNet. (https://www.medicinenet.com/fatigue/article.htm)
Fatigue: Why am I so tired and what can I do about it?. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/248002)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป