การรับประทานยาแก้แพ้ เป็นวิธีรักษาโรคภูมิแพ้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยยาแก้แพ้ที่คุณคุ้นเคยกันนั้นมีหลายประเภท ทำให้หลายครั้งจึงทำให้เกิดความสับสนว่า แล้วสุขภาพกับลักษณะโรคภูมิแพ้ของคุณเหมาะกับยาตัวไหนกันแน่ ดังนั้นวันนี้เราลองมาเปรียบเทียบถึงความแตกต่างของยาแก้แพ้แต่ละชนิดกัน
ยาแก้แพ้สามารถแบ่งออกได้หลายชนิด แต่ยาที่เป็นที่แพร่หลาย และผู้ป่วยมักจะได้รับเพื่อใช้ในการรักษามากที่สุดมักจะเป็น "ยาแก้ฮิสตามีน (Ainihistamine)" ซึ่งยาชนิดนี้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มตามลักษณะการออกฤทธิ์
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
1. ยาต้านฮิสตามีนกลุ่มแรก หรือกลุ่มดั้งเดิม (First Generation Antihistamine)
เป็นยาต้านฮิสตามีนรุ่นแรก มีประสิทธิภาพในการลดการหลั่งของสารฮิสตามีนสูง ผ่านโมเลกุลของยาขนาดเล็กที่จะซึมผ่านเยื่อกั้นสมอง (Blood Brain Barrier) เข้าไปจับตัวรับฮิสตามีนภายในสมอง
แต่ด้วยโมเลกุลของตัวยาที่มีขนาดเล็ก จึงทำให้ยาซึมผ่านเข้าสมองได้ง่าย และทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาคือ ทำให้ผู้ป่วยง่วงซึม อ่อนเพลีย ตาพร่าเบลอ นอกเหนือจากอาการง่วง โมเลกุลยาของยาต้านฮิสตามีนกลุ่มที่ 1 ยังทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ซึ่งได้แก่
- ผิวหนังแห้ง
- ปากคอแห้ง
- ตาแห้ง
- ตาพร่า
- ม่านตาขยาย
- ท้องผูก
- ปัสสาวะขัดในเพศชาย
- หัวใจเต้นเร็ว
ด้วยเหตุที่ยาต้านฮิสตามีนกลุ่มนี้ทำให้งวงซึม จึงทำให้ยาต้านฮิสตามีนกลุ่มแรกมักถูกใช้เป็นยานอนหลับสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการนอนหลับด้วย
2. ยาด้านฮิสตามีนกลุ่มใหม่ (New Generation Antihistamine)
เป็นยาต้านฮิสตามีนรุ่นแรกที่ถูกนำไปพัฒนาต่อ จนไม่สามารถเข้าไปรบกวนระบบประสาทส่วนกลางข้างในสมองได้มากเท่ายารุ่นดั้งเดิม จึงทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกง่วงซึมมากนัก เนื่องจากมีโมเลกุลของยาขนาดใหญ่ขึ้น ละลายไขมันได้น้อยลง
และนอกจากสามารถขจัดอาการง่วงแล้ว ยาต้านฮิสตามีนกลุ่มใหม่ยังไม่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของสารอะเซทิลโคลีน (Acethlcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่คอยควบคุมดูแลเกี่ยวกับกลไกการรับความรู้สึก การรับรสชาติ การนอนหลับ และภาวะซึมเศร้าด้วย
ข้อมูลยาต้านฮิสตามีนทั้ง 2 ชนิด
ยาต้านฮิสตามีนทั้ง 2 ชนิดมีข้อบ่งใช้ ขนาดการใช้ และข้อควรระวังดังตารางต่อไปนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
1. กลุ่มยาต้านฮิสตามีนกลุ่มดั้งเดิม
กลุ่มยาต้านฮิสตามีนดั้งเดิมมีด้วยกันหลักๆ 4 ประเภท มีความแตกต่างกันออกไป ดังนี้
ไซโพรเฮปทาดีน (Cyproheptadine)
ตัวอย่างชื่อการค้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
- Cyprodine
- Cyprotec
- Cyprocap
- Cyprogin
- Cyproheptadine Macrophar
- Asian Pharm
- Inpac
- Medicine Products
- Picco
- T Man
เป็นยาที่ใช้สำหรับต้านอาการแพ้ เช่น การเกิดผื่นคัน ลมพิษ น้ำมูกไหลขนาดการใช้ยาอยู่ที่ 4 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง ยามีผลข้างเคียงหนึ่งคือ เพิ่มความอยากอาหาร จึงมีการใช้ยานี้เพื่อเพิ่มความอยากอาหารในเด็ก อย่างไรก็ตามข้อบ่งใช้นี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์
ไดเมนไฮดรามีน (Dimenhydramine) / ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate)
ตัวอย่างชื่อการค้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
- Dramine
- Dimeno
- Denim
- Divomit
- Dimim
- Motivan
- Dimenhydrinate Asian Union
- T Man
- Picco
- Pharma Square
- Vomen
เป็นยาที่ใช้สำหรับต้านอาการแพ้ เช่น การเกิดผื่นคัน ลมพิษ น้ำมูกไหลขนาดการใช้ยาอยู่ระหว่าง 50-100 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง ยานี้มีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ จึงนิยมใช้ยาในข้อบ่งใช้นี้มากกว่า
ไฮดรอกซีซีน (Hydroxyzine)
ตัวอย่างชื่อการค้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- Atarax
- Allerax
- Drazine
- Histan
- Hizin
- Hyzine
- Polizine
- Taraxin
- Hydroxyzine Inpac
- Utopian
เป็นยาที่ใช้สำหรับต้านอาการแพ้ เช่น การเกิดผื่นคัน ลมพิษ น้ำมูกไหลขนาดการใช้ยาอยู่ระหว่าง 50-100 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง
เนื่องจากยามีฤทธิ์ทำให้ง่วงสูง จึงพบว่ามีการใช้ยานี้เพื่อช่วยให้หลับ เช่น ในผู้ที่อยู่ในระหว่างการเดินทางบนเครื่องบิน หรือในผู้ป่วยที่มีภาวะวิตกกังวล และต้องการทำให้หลับ หรือในรายที่มีอาการแพ้ และหวังผลให้ผู้ป่วยหลับ
คลอร์เฟนิรามีน (Clorpheniramine)
ตัวอย่างชื่อการค้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
- Chlorpheniramine GPO
- A.N.H.
- Asian Pharm
- Charoen Bhaesaj
- Inpac, Nakornpatana
- T.O.
- Medicpharma
- Chorphen
เป็นยาที่ใช้สำหรับต้านอาการแพ้ เช่น การเกิดผื่นคัน ลมพิษ น้ำมูกไหล ขนาดการใช้ยาอยู่ระหว่าง 50-100 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง นิยมใช้ลดน้ำมูกในผู้ป่วยโรคหวัด
ข้อควรระวังของกลุ่มยาต้านฮิสตามีนกลุ่มดั้งเดิม
กลุ่มยาต้านฮิสตามีนกลุ่มดั้งเดิม (Clorpheniramine, Dimenhydramine, Dimenhydrinate, Hydroxyzine, Cyproheptadine) จะมีข้อควรระวังและผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ในการใช้ยาใกล้เคียงกัน ดังต่อไปนี้
- มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของอะเซทิลโคลีนสูง จึงทำให้เกิดอาการ ผิวหนังแห้ง ปากคอแห้ง ตาแห้ง ตาพร่า ม่านตาขยาย ท้องผูก ปัสสาวะขัดในเพศชาย
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาในผู้สูงอายุ และผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต เนื่องจากยาส่งผลต่อการปัสสาวะ
- ยามีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือใช้เครื่องจักรในระหว่างใช้ยานี้เนื่องจากทำให้สมรรถนะในการทำงานดังกล่าวลดลง และอาจเกิดอุบัติเหตุได้
2. กลุ่มยาต้านฮิสตามีนกลุ่มใหม่
กลุ่มยาต้านฮิสตามีนดั้งเดิมมีด้วยกันหลักๆ 3 ประเภท มีความแตกต่างกันออกไป ดังนี้
ลอราทาดีน (Loratadine)
ตัวอย่างชื่อการค้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
- Alertyne
- Allersil
- Lorsedin
- Clalergy
- Claridine
- Loradine
- Lortadine
เป็นยาใช้สำหรับต้านอาการแพ้ เช่น การเกิดผื่นคัน ลมพิษ น้ำมูกไหล ขนาดการใช้ยาคือ 10 มิลลิกรัม วันละครั้ง (Aerius ขนาด 5 มิลลิกรัม กินครั้งละ 1 เม็ด วันละครั้ง) นอกจากนี้ เดสลอราทาดีน (Desloratadine) นิยมใช้เป็นยาสำหรับบรรเทาอาการแพ้ด้วยเช่นเดียวกัน เช่น Aerius
เซทิริซีน (Cetirizine)
ตัวอย่างชื่อการค้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
- Zyrtec
- Alerest
- Cetrizin
- Zittec
- Zensil
- Zertine
- Cyzine
- Fatec
เป็นยาใช้สำหรับต้านอาการแพ้ เช่น การเกิดผื่นคัน ลมพิษ น้ำมูกไหล ขนาดการใช้ยาคือ 10 มิลลิกรัม วันละครั้ง หรือ 5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
เฟกโซเฟนาดีน (Fexofenadine)
ตัวอย่างชื่อการค้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
- Bosnum
- Fenafex
- Telfast
- Tofexo
- Vifas
- Fexotine
เป็นยาใช้สำหรับต้านอาการแพ้ เช่น การเกิดผื่นคัน ลมพิษ น้ำมูกไหล แต่ข้อจำกัดคือยาไม่สามารถผ่านเยื่อกั้นสมองได้ จึงนิยมใช้ยานี้ในนักบิน หรือผู้มีอาชีพที่การง่วงมีความเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง
ข้อแตกต่างจากยาต้านฮิสตามีนกลุ่มดั้งเดิม
ผลข้างเคียงที่ทำให้ง่วงน้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับยาในรุ่นแรก และไม่มีฤทธิ์ anticholinergic แบบในรุ่นแรก
ความแตกต่างระหว่างยาแก้แพ้เม็ดสีขาว สีเหลือง และสีฟ้า
ความจริงแล้วสีของเม็ดยานั้นเป็นเพียงเครื่องมือช่วยจำชนิดหนึ่งเท่านั้น ในกรณีที่ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาจำนวนมาก หรือต้องรับประทานยาคนละกลุ่มกัน แต่สิ่งที่คุณจะต้องจำก็คือ ตัวยา และประเภทของยาที่บรรจุอยู่ข้างในแคปซูล หรือเม็ดยาต่างหาก เช่น
- ยาแก้แพ้เม็ดสีเหลือง ที่เป็นที่รู้จักคือ คลอร์เฟนิรามีน (Chlorpheniramine) ซึ่งจัดเป็นยาแก้แพ้ในกลุ่มที่ 1
- ยาแก้แพ้เม็ดสีฟ้า ที่เป็นที่รู้จักคือ เดสลอราทาดีน (Desloratadine) แอเรียส (Aerius) ซึ่งจัดเป็นยาแก้แพ้ในกลุ่มที่ 2
- ยาแก้แพ้เม็ดสีขาว ที่มีวางจำหน่ายนั้น จะมีทั้ง...
- เซทิริซีน (Cetirizine) เช่น Zyrtec, Cetrizin, Fatec, Cettec
- ลอราทาดีน(Loratadine) เช่น Lorsedin, Clarityn ซึ่งยาสองกลุ่มนี้จัดเป็นยาแก้แพ้กลุ่มที่ 2 ทั้งคู่
- ไฮดรอกซีซีน (Hydroxyzine) เช่น Atarax ยากลุ่มนี้จะจัดเป็นยาแก้แพ้ในกลุ่มที่ 1
คุณไม่ควรจำแค่สียาเพียงอย่างเดียว เพราะข้อมูลเกี่ยวกับยาข้างในจะช่วยคุณได้ หากคุณต้องไปพบแพทย์ฉุกเฉิน และให้ข้อมูลว่า กำลังรับประทานยาอะไรอยู่บ้าง หรือหากไม่ทราบชื่อยา ก็ให้สอบถามกับแพทย์ที่รักษาโดยตรง หรือสอบถามเภสัชกรถึงชื่อยาตัวนั้น เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง
ดูแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัพเดทแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android