วิตามินบี 12 หรือโคบาลามิน (Cobalamin) เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามินบีรวม (Vitamin B complex) ที่สามารถละลายในน้ำได้
โดยร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินบี 12 ได้ด้วยตัวเอง และไม่สามารถสะสมในร่างกายได้ จึงจำเป็นต้องรับประทานวิตามินบี 12 ผ่านอาหาร หรืออาหารเสริมให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในทุกๆ วัน
ตรวจแร่ธาตุวิตามินวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 68%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สำหรับใครที่กังวลว่าร่างกายขาดวิตามินบี 12 อาจสังเกตได้จากอาการผิดปกติที่มักพบในผู้ที่ขาดวิตามินชนิดนี้ เช่น มีอาการชาตามมือตามเท้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หลงลืมง่าย ซีดจากภาวะโลหิตจาง มีปัญหาเรื่องการเดิน หรือปวดข้ออย่างรุนแรงได้ หรือตรวจระดับวิตามินในร่างกายโดยแพทย์ผู้ชำนาญการก็ได้
หน้าที่ของวิตามินบี 12
- วิตามินบี 12 ทำงานร่วมกับวิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิค (Folic acid) ในกระบวนการแบ่งเซลล์ และสังเคราะห์ดีเอนเอ (DNA) และอาร์เอนเอ (RNA) เพื่อใช้ในการกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดเลือดแดงเกิดการแบ่งเซลล์เป็นเซลล์เม็ดเลือดแดงตามปกติ
- วิตามินบี 12 มีหน้าที่ป้องกันเยื่อไมอีลิน (Myelin) ที่ห่อหุ้มเส้นประสาท ช่วยให้ระดับการทำงานของเซลล์ประสาทและระบบประสาทเป็นไปได้อย่างปกติ
- วิตามินบี 12 มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของแบคทีเรียชนิดดีในกระเพาะอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น และช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในกระเพาะอาหาร
ปริมาณวิตามินบี 12 ที่ร่างกายต้องการต่อวัน ในแต่ละช่วงวัย
ปริมาณวิตามินบี 12 ที่ร่างกายควรได้รับต่อวันในแต่ละช่วงอายุ (อ้างอิงจาก National Institute of Health)
- อายุ 0-6 เดือน ควรได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 0.4 ไมโครกรัมต่อวัน
- อายุ 7-12 เดือน ควรได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 0.5 ไมโครกรัมต่อวัน
- อายุ 1-3 ปี ควรได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 0.9 ไมโครกรัมต่อวัน
- อายุ 4-8 ปี ควรได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 1.2 ไมโครกรัมต่อวัน
- อายุ 9-13 ปี ควรได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 1.8 ไมโครกรัมต่อวัน
- อายุ 14 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน
- หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 2.6 ไมโครกรัมต่อวัน
- หญิงให้นมบุตร ควรได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 2.8 ไมโครกรัมต่อวัน
ใครบ้างที่เสี่ยงจะขาดวิตามินบี 12
การขาดวิตามินบี 12 เกิดได้จากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยเสี่ยงที่พบมากที่สุดคือ การรับประทานมังสวิรัติ และการผ่าตัดลดความอ้วน
การรับประทานมังสวิรัติ
เนื่องจากวิตามินบี 12 สามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม และอาหารอื่นๆ ที่มาจากสัตว์เท่านั้น จึงทำให้ทำให้ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ และวีแกน (Vegan) มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะขาดวิตามินบี 12 หากไม่รับประทานธัญพืชที่มีการเสริมวิตามิน หรืออาหารเสริม
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน European Journal of Clinical Nutrition พบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่รับประทานมังสวิรัติจากจำนวนทั้งหมด 232 คน อยู่ในภาวะขาดวิตามินบี 12
การผ่าตัดลดความอ้วน
ผู้ที่มีการผ่าตัดตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดความอ้วนมีความเสี่ยงในการขาดวิตามินบี 12 ได้ เนื่องจากการดูดซึมวิตามินบี 12 ต้องอาศัยอินทรินสิกแฟกเตอร์ (Intrinsic factor) ซึ่งเป็นเพปไทด์ (Peptide) ที่หลั่งมาจากกระเพาะอาหารเท่านั้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การผ่าตัดดังกล่าวส่งผลให้ร่างกายผลิตอินทรินสิกแฟกเตอร์ได้น้อยลง จึงทำให้ดูดซึมวิตามินบี 12 จากในอาหารได้น้อยลงตามไปด้วยนั่นเอง
นอกจากการผ่าตัดกระเพาะอาหารแล้ว การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนักที่ยั่งยืน หากไม่รู้ว่าควรออกกำลังกาย หรือรับประทานอาหารแบบไหน สามารถตรวจ DNA เพื่อประเมินความต้องการสารอาหารและการออกกำลังกายเฉพาะบุคคลได้
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในการขาดวิตามินบี 12
- มีอายุมากกว่า 50 ปี
- รับประทานยาในกลุ่ม Proton-pump inhibitor (Nexium, Prevacid) หรือ H2 blocker (Pepcid, Zantac)
- รับประทานยารักษาโรคเบาหวาน เมทฟอร์มิน (Metformin)
- ผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนปลาย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดูดซึมวิตามินบี 12
โรค และยาที่ทำให้ขาดวิตามินบี 12
โรคที่ขัดขวางการดูดซึมอาหาร เช่น โรคเซลิแอค (Celiac Disease) หรือโรคโครห์น (Crohn's Disease) สามารถทำให้การดูดซึมวิตามินบี 12 ลดลง
โรคที่ทำให้ดูดซึมวิตามินบี 12 ไม่ได้ เช่น โรคลำไส้เล็กอักเสบเรื้อรัง โรคที่มีความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน หรือความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และโรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรังยังทำให้ขาดเอนไซม์ในการช่วยดูดซึมวิตามินบี 12 อีกด้วย
ยาที่ใช้รักษาโรคกรดไหลย้อนจะมีผลต่อการดูดซึมวิตามินบี 12 เนื่องจากยาจะลดการสร้างกรดในกระเพาะอาหารที่จำเป็นต่อการดูดซึม เช่น ไซเมทิดีน (Cimetidine) ฟาโมทิดีน (Famotidine) นิซาทิดีน (Nizatidine) และรานิทิดีน (Ranitidine)
อาการของการขาดวิตามินบี 12
ลักษณะอาการของการขาดวิตามินบี 12 จะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และรุนแรงขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป เนื่องจากคนคนนั้นละเลยอาการที่เกิดขึ้น โดยอาการที่พบในผู้ที่ขาดวิตามินบี 12 ประกอบด้วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- รู้สึกชาที่มือ เท้า หรือขา
- เดินลำบาก (เดินเขยก หรือมีปัญหาเรื่องการทรงตัว)
- ซีดจากภาวะโลหิตจาง
- ลิ้นบวม และอักเสบ
- ตัวเหลืองตาเหลือง
- มีปัญหาเรื่องความคิด หรือความทรงจำ
- เห็นภาพหลอน
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลด
วิธีการวินิจฉัยการขาดวิตามินบี 12
วิธีการวินิจฉัยการขาดวิตามินบี 12 นั้นแพทย์จะใช้การซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจระดับวิตามินในเลือดร่วมกัน
หากคุณสงสัยว่า ตนเองกำลังมีอาการขาดวิตามินบี 12 ควรไปพบแพทย์ เพราะการตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก และรักษาอย่างทันท่วงที จะช่วงป้องกันการเกิดอาการทางระบบประสาทและเลือดที่รุนแรงได้
วิธีรักษาภาวะขาดวิตามินบี 12 ทั่วไป
- การขาดวิตามินบี 12 ในระดับเล็กน้อย สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานวิตามินรวมทั่วไป
- หากคุณเป็นมังสวิรัติ หรือวีแกน ควรรับประทานขนมปัง ซีเรียล หรือธัญพืชอื่นๆ ที่มีการเสริมวิตามินบี 12 เข้าไป หรือรับประทานวิตามินเสริมเป็นประจำทุกวัน
- หากคุณมีอายุมากกว่า 50 ปี แนะนำให้คุณรับประทานวิตามินบี 12 เพิ่มจากอาหารเสริม เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินบี 12 จากอาหารได้น้อยลง
วิธีรักษาภาวะขาดวิตามินบี 12 อย่างรุนแรง
ภาวะขาดวิตามินบี 12 อย่างรุนแรง สามารถรักษาได้โดย 2 วิธี ได้แก่ การฉีดวิตามินบี 12 ทุกสัปดาห์ หรือการรับประทานวิตามินบี 12 ในปริมาณสูงทุกวัน
วิตามินบี 12 นั้นไม่ใช่ยารักษาโรค
มีหลายบทความในอินเตอร์เน็ตที่กล่าวว่า การใช้วิตามินบี 12 นั้นสามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลีย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ โรคหัวใจ และโรคเรื้อรังอื่นๆ ได้ แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ หรือผลวิจัยที่ชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าโรคอัลไซเมอร์จะมีความเกี่ยวข้องระหว่างการมีระดับวิตามินบี 12 ต่ำกับการรับรู้ที่ลดลง แต่การให้รับประทานวิตามินบี 12 เพิ่มในปริมาณที่สูงก็ไม่ได้ช่วยทำให้การรับรู้ดีขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นคุณจึงควรรับประทานวิตามินบี 12 เพื่อป้องกันการขาดวิตามิน ไม่ใช่เพื่อรักษาอาการต่างๆ
วิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย การรับประทานวิตามินบี 12 ให้เพียงพอต่อวันจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากวิตามินบี 12 แล้ว ควรรับประทานวิตามินชนิดอื่นๆ รวมถึงโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ และไขมันด้วย เพราะหากร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจระดับวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android