วัคซีน (Vaccine) คือ สารที่มีคุณสมบัติบางประการเหมือนเชื้อโรค เมื่อวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจึงเกิดการตอบสนองต่อสารนั้นเหมือนตอนที่ร่างกายเราได้รับเชื้อ นั่นคือมีการสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อนั้นๆ ขึ้นทำให้เมื่อถึงเวลารับเชื้อโรคจริงๆ ร่างกายก็จะหลั่งภูมิคุ้มกันออกมาได้รวดเร็ว วัคซีนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อของร่างกายได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม การจะฉีดวัคซีน 1 เข็ม ต่อ 1 โรคก็อาจไม่สะดวกนัก จึงมีการคิดค้นวัคซีนรวมต้านเชื้อหลายชนิดขึ้นในเข็มเดียวเพื่อลดระยะเวลาและลดการเจ็บปวดของผู้ป่วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกวัคซีนจะรวมกันได้เสมอไปเพราะเชื้อบางเชื้อก็ไม่ถูกกัน บางเชื้อรวมกันแล้วเกิดการตกตะกอน หรือเมื่อจับเข้าด้วยกันแล้วทำให้เชื้อนั้นๆ มีรูปร่างลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายก็สร้างแอนติบอดีมาจับกับเชื้อได้ไม่ถูกต้อง หรือเรียกว่าเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันผิดเชื้อนั่นเอง
ปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีนรวม 6 โรค ใน 1 เข็ม ได้แก่
- โรคคอตีบ (Diphtheria)
- โรคไอกรน (Pertussia)
- โรคบาดทะยัก (Tetanus)
- โรคตับอักเสบบี (Hepatitis B)
- โรคโปลิโอ (Polio)
- โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบ (Hib)
วัคซีนรวมข้างต้นอาจจะไม่ได้ครอบคลุมสำหรับทุกสิทธิ์การรักษา ส่วนวัคซีนรวมที่ครอบคลุมในสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะเป็นวัคซีนสำหรับเด็ก ได้แก่ วัคซีนรวม หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) และคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดไร้เซลล์ (DTwP)
ในปัจจุบันมีข้อมูลชัดเจนว่า ช่วงอายุเท่าไหร่ควรได้รับวัคซีนใดบ้าง ซึ่งมีตารางรวมออกมาให้เป็นภาพให้เข้าใจได้ง่ายด้านล่าง
ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย แนะนำโดยสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย 2562 |
|||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
วัคซีนจำเป็นที่ต้องให้กับเด็กทุกคน |
|||||||||||
วัคซีน อายุ |
แรกเกิด |
1 เดือน |
2 เดือน |
4 เดือน |
6 เดือน |
9-12 เดือน |
18 เดือน |
2 ปี |
2 ½ ปี |
4-6 ปี |
11-12 ปี |
บีซีจี (BCG) |
BCG |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ตับอักเสบบี (HBV) |
HBV1 |
(HBV2) |
DTwP-HB- |
DTwP-HB- |
DTwP-HB- |
|
|
|
|
|
|
คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดทั้งเซลล์ (DTwP) |
|
|
|
DTwP กระตุ้น 1 |
|
|
DTwP กระตุ้น 2 |
Td และทุก 10 ปี |
|||
ฮิบ (Hib) |
|
|
|
|
|
|
|
|
|||
โปลิโอชนิดกิน (OPV) |
|
|
OPV1 |
OPV2 + IPV |
OPV3 |
|
OPV กระตุ้น 1 |
|
|
OPV กระตุ้น 2 |
|
หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) |
|
|
|
|
|
MMR1 |
|
MMR2 |
|
|
|
ไข้สมองอักเสบเจอี (live JE) |
|
|
|
|
|
JE1 |
|
JE2 |
|
|
|
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) |
|
|
|
|
Influenza ให้ 2 เข็ม ห่างกัน 2 เดือน ในครั้งแรก |
|
|
|
|||
เอชพีวี (HPV) |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เด็กหญิงป.5 2 เข็ม |
วัคซีนอื่นๆ ที่อาจให้เสริม หรือทดแทน |
|||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
วัคซีน อายุ |
2 เดือน |
4 เดือน |
6 เดือน |
12-15 เดือน |
18 เดือน |
2-2½ เดือน |
4 ปี |
6 ปี |
9 ปี |
11-12 ปี |
15 ปี |
คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ |
DTaP1 |
DTaP2 |
DTaP3 |
|
DTaP กระตุ้น 1 |
|
Tdap หรือ |
|
Tdap หรือ TdaP |
|
|
โปลิโอชนิดฉีด (IPV) |
IPV1 |
IPV2 |
IPV3 |
|
(IPV4) |
|
IPV5 |
|
|
|
|
ฮิบ (Hib) |
Hib1 |
Hib2 |
Hib3 |
(Hib4) |
|
|
|
|
|
|
|
นิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต (PCV) |
PCV1 |
PCV2 |
(PCV3) |
PCV4 |
|
|
|
|
|
|
|
โรต้า (Rota) |
Rota1 |
Rota2 |
(Rota3) |
|
|
|
|
|
|
|
|
ไข้สมองอักเสบเจอี (inactivated JE) |
|
|
JE1, JE2 ห่างกัน 4 สัปดาห์ และ JE3 อีก 1 ปี |
|
|
|
|
|
|||
ตับอักเสบเอ (HAV) |
|
|
|
HAV ชนิดเชื้อไม่มีชีวิต ให้ 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน ชนิดเชื้อมีชีวิต ฉีดเข็มเดียวเมื่ออายุ 18 เดือนขึ้นไป |
|
||||||
อีสุกอีใส (VZV) หรือวัคซีนรวม |
|
|
|
VZV1 |
VZV2 |
|
|
|
|
||
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) |
|
|
Influenza ให้ปีละครั้ง (ในเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี ให้ 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน ในครั้งแรก) |
||||||||
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) |
|
|
|
|
|
|
|
|
HPV 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน |
||
ไข้เลือดออก (DEN) |
|
|
|
|
|
|
|
|
DEN 3 เข็ม 0,6 และ 12 เดือน |
||
พิษสุนัชบ้า (Rabies) ก่อนการสัมผัสโรค |
2 ครั้งห่างกันอย่างน้อย 7 วัน |
รายละเอียดของวัคซีนในตาราง
- วัคซีน BCG
วัคซีนป้องกันโรควัณโรค (Tuberculosis) ซึ่งเป็นโรคระบาดในประเทศไทย ดังนั้นเด็กทุกคนจำเป็นต้องได้รับวัคซีนนี้เป็นการป้องกันแต่เนิ่นๆ เพราะตัวโรควัณโรคอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ยิ่งถ้าเชื้อติดในเด็กที่ภูมิคุ้มกันต่ำอยู่ เชื้ออาจจะไปทำลายได้หลายระบบ ส่วนมากติดผ่านทางระบบหายใจไปเป็นวัณโรคปอด หากเข้าสู่กระแสเลือดก็ลามไประบบย่อยอาหาร ระบบต่อมน้ำเหลืองได้
ยุค New Normal สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนใส่ใจมากยิ่งขึ้น
ถ้าเริ่มมีอาการเจ็บคอ คันคอ ระคายคอ หรือมีเสมหะ เหนียวคอ มาดู 5 วิธี บรรเทาง่ายๆ ได้ผล อย่ารอให้เป็นหนัก
- วัคซีนตับอักเสบบี (HBV)
วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสตับอักเสบชนิดบี ซึ่งติดต่อผ่านทางแม่สู่ลูก หรือสารคัดหลั่งต่างๆ ไวรัสตับอักเสบถือเป็นโรคระบาดในประเทศไทยเช่นกัน อาการของโรคจะมีได้ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงตับวายจนเกิดเป็นตับแข็งได้ โดยการฉีดป้องกันนั้น คือ ฉีดตั้งแต่แรกเกิดและเมื่อมีอายุ 1 เดือน หลังจากนั้นจะฉีดเป็นเข็มรวมกับวัคซีน คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดทั้งเซลล์และวัคซีนโรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียฮิบ (Hib) ที่อายุ 2, 4 และ 6 เดือน จากนั้นให้กระตุ้นวัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดทั้งเซลล์ ที่ 18 เดือน และ 4-6 ปี อีก 2 ครั้ง หลังจากนั้นให้วัคซีนป้องกันบาดทะยักที่ 11-12 ปี และทุกๆ 10 ปี
- วัคซีนโปลิโอชนิดกิน
วัคซีนป้องกันโรคกล้ามเนื้อลีบโปลิโอซึ่งจะให้วัคซีนนี้ตอนอายุ 2, 4 และ 6 เดือน จากนั้นให้กระตุ้นที่อายุ 18 เดือน และ 4-6 ขวบ อีก 2 ครั้ง
- วัคซีน (MMR) หรือวัคซีนป้องกันคางทูม และวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี (JE)
วัคซีนนี้จะให้ที่อายุโตขึ้นมาหน่อยคือ อายุ 9-12 เดือน และ 2 ปีถึง 2 ปีครึ่ง ทั้งหมด 2 เข็ม โดย ซึ่งโรคสองโรคนี้มักติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่งของร่างกาย ปัจจุบันไม่ค่อยพบเพราะระบบป้องกันเชื้อค่อนข้างดีขึ้นมาก
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
เป็นวัคซีนป้องกันที่ต้องได้รับทุกๆ ปี โดยครั้งแรกของชีวิตให้ที่อายุช่วง 6-24 เดือน โดยให้ 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน หลังจากนั้นต้องมารับวัคซีนทุกปี เนื่องจากเชื้อโรคจะมีการกลายพันธุ์ไปจากเดิม และผู้คิดค้นวัคซีนก็จะมีการปรับปรุง พัฒนา เพื่อให้สามารถต้านทานเชื้อเหล่านั้นได้
- วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV vaccine)
เป็นโรคที่อยู่ในอวัยวะเพศชายแต่จะไม่ก่อโรคในเพศชาย ะติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเห็นได้ว่า ตามแผนผังคือ ให้เริ่มฉีดตั้งแต่อายุ 11 ปี แต่หากใครยังไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ ให้ฉีดก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก จากงานวิจัยพบว่า จะให้ผลการป้องกันที่ดีกว่าโดยฉีดทั้งหมด 2 เข็ม เข็มที่สองห่างจากเข็มแรก เป็นระยะเวลา 6เดือน
วัคซีนเสริมที่น่ารู้และเพิ่มเติมจากวัคซีนที่ต้องฉีด
- วัคซีน PPSV23 และ PCV13
ป้องกันโรคจากเชื้อ Streptococcus pneumoniae ซึ่งเป็นเชื้อที่มักก่อโรคบริเวณทางเดินหายใจเป็นหลัก เช่น ปอดอักเสบ การฉีดวัคซีนนั้นเริ่มจากจะฉีดวัคซีน PCV13 1 ครั้ง ตอนอายุ 6-18 ปี และผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ อายุมากกว่า 59 ปี ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยที่ต้องตัดม้าม หรือเป็นโรคอื่นๆทางภูมิคุ้มกัน หลังจากนั้นให้มากระตุ้นโดยฉีด PPSV23 2 ครั้ง เว้นระยะห่างกัน 5 ปี
ยุค New Normal สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนใส่ใจมากยิ่งขึ้น
ถ้าเริ่มมีอาการเจ็บคอ คันคอ ระคายคอ หรือมีเสมหะ เหนียวคอ มาดู 5 วิธี บรรเทาง่ายๆ ได้ผล อย่ารอให้เป็นหนัก
- วัคซีนอีสุกอีใส (VZV)
ความจริงโรคอีสุกอีใสสามารถหายได้เองและฉีดวัคซีนก็ไม่ได้การันตีว่าจะไม่มีโอกาสติดเชื้ออีก วัคซีนอีสุกอีใสจึงจัดเป็นวัคซีนเสริมที่ต้องจ่ายเงินเพื่อรับวัคซีนเอง หากต้องการฉีดให้ฉีดในช่วง 1-4 ขวบ จำนวน 2 เข็ม
- วัคซีนไข้เลือดออก (DEN)
เป็นอีกวัคซีนที่ไม่ได้บังคับฉีดเพราะแม้จะฉีดแล้วก็ไม่สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ หากจะฉีดวัคซีนนี้จะทำในช่วงอายุ 9-15 ปี จำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 6-12เดือน
การฉีดวัคซีนทำให้เกิดแผลนูน (คีรอยด์) หรือไม่?
การฉีดวัคซีนไม่ทำให้เกิดคีรอยด์
บทความที่เกี่ยวข้อง
วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก จำเป็นไหม ทำไมต้องฉีด?
วัคซีนคอตีบ คืออะไร จำเป็นต้องฉีดไหม ใครควรฉีดบ้าง ราคาเท่าไร?