สมัยเด็กๆ คงเคยถูกสอนกันมาบ้างใช่ไหมว่า “ระวังอย่าให้โดนตะปูแทง เดี๋ยวจะติดบาดทะยักเอานะ!” แถมวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ก็เป็นวัคซีนพื้นฐานที่เด็กไทยต้องผ่านการฉีดกันมาแล้วทั้งนั้น สงสัยกันไหมว่า โรคบาดทะยักเป็นยังไง และน่ากลัวแค่ไหน...
แท้จริงแล้ว บาดทะยัก (Tetanus) เป็นโรคจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ร้ายแรง และอันตรายถึงชีวิต เมื่อเชื้อบาดทะยักเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดอาการรุนแรงหลายอย่าง เช่น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- กล้ามเนื้อหดและชักเกร็งทั่วร่างกาย และรู้สึกเจ็บปวดทรมาน
- ขากรรไกรหดเกร็ง ทำให้อ้าปากไม่ได้
- กล้ามเนื้อที่คอหดเกร็ง จนหายใจและกลืนอาหารลำบาก
- ร่างกายกระตุก และไวต่อการสัมผัส รวมทั้งเมื่อมีอะไรสัมผัสถูกเล็กน้อยจะรู้สึกเจ็บปวด
- อาจมีไข้สูง เหงื่อออกมาก
- ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็ว
โดยอาการเหล่านี้จะเริ่มปรากฏเมื่อได้รับเชื้อภายใน 10-14 วัน ซึ่งบางคนอาจช้าหรือเร็วกว่านั้น และหากรักษาไม่ทัน อาจทำให้หายใจไม่ออก หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตได้ ในบางรายอาจมีกล้ามเนื้อหดเกร็งเฉพาะบริเวณที่เกิดแผล ซึ่งถือเป็นการติดเชื้อที่ไม่รุนแรงนัก อีกกรณีหนึ่ง คือเกิดการติดเชื้อบริเวณศีรษะและเชื้อลุกลามถึงสมอง จะมีอาการหดเกร็งเฉพาะส่วนศีรษะ ซึ่งพบได้น้อย แต่มีความรุนแรงมาก
สาเหตุของบาดทะยัก
แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคบาดทะยัก คือ Clostridium tetani ซึ่งเป็นเชื้อโรคที่ทนต่อสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิ สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งภายในและนอกร่างกาย สปอร์ของเชื้อจะปะปนอยู่ตามดิน ทราย และสิ่งสกปรกต่างๆ หากได้รับสปอร์เข้าไป เชื้อจะเจริญและแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในร่างกายจนสามารถก่อโรคได้ เชื้อ Clostridium tetani จะผลิตสารที่ชื่อว่า Tetanospasmin ซึ่งส่งผลให้เส้นประสาทในกล้ามเนื้อเสียหาย กล้ามเนื้อจึงเสียการควบคุม และเกิดอาการชักเกร็ง
เชื้อบาดทะยักสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านทางบาดแผล ยกตัวอย่างเช่น
- แผลจากของมีคมบาด
- แผลที่ถูกของแหลม อย่างตะปูหรือเข็มทิ่มแทง
- แผลที่ถูกสัตว์กัดหรือข่วน เช่น แมวและสุนัข
- แผลติดเชื้อจากการผ่าตัด
- แผลติดเชื้อในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- แผลในช่องปากที่เกิดการติดเชื้อ
- แผลไฟไหม้
การรักษาบาดทะยัก
หากเริ่มรู้สึกว่ามีอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อหลังจากมีบาดแผล และสงสัยว่าอาจเป็นอาการของบาดทะยัก ให้รีบมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยด่วน โดยแนวทางการรักษา มีดังนี้
- ให้ Tetanus immunoglobulin เพื่อยับยั้งการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น
- ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อ
- ตัดส่วนเนื้อเยื่อที่ตายแล้วบนบาดแผลออก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อลุกลาม
- ให้ยาคลายกล้ามเนื้อและยากลุ่มระงับประสาท เพื่อลดอาการหดเกร็งและความเจ็บปวด
- หากผู้ป่วยหายใจลำบาก อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจด้วย
การป้องกันบาดทะยัก
- วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ซึ่งโดยทั่วไปเด็กไทยจะได้รับการฉีดพร้อมกับวัคซีนอื่นๆ อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ควรฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกๆ 10 ปี หรือเมื่อเกิดบาดแผลสกปรก
- ระมัดระวังไม่ให้เกิดบาดแผลลึก รอยขีดข่วน หรือแผลถลอก หากเกิดแผลต้องล้างแผลและทำแผลให้สะอาด เพื่อไม่ให้สัมผัสกับเชื้อโรค
- หากเกิดบาดแผลลึกควรไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ทำความสะอาดแผลและฉีด Tetanus immunoglobulin ให้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อบาดทะยักโดยเฉพาะ
แม้บาดทะยักจะเป็นโรคที่อันตรายร้ายแรง แต่ก็ไม่เกินที่เราจะรับมือได้ ดังนั้น การป้องกันโรคอย่างถูกต้องและรักษาให้ทันท่วงที เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยป้องกันและลดความรุนแรงจากโรคได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
วัคซีนบาดทะยักคืออะไร จำเป็นต้องฉีดไหม ใครควรฉีดบ้าง ราคาเท่าไร?