ปกติแล้ว ร่างกายของเราจะรับเอาก๊าซออกซิเจนเข้าไปใช้ประโยชน์ และขับของเสียออกมาในรูปของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าซเหล่านี้เรียกว่า "ระบบทางเดินหายใจ (Respiratory system)"
ระบบหายใจเป็นการทำงานร่วมกันของหลายอวัยวะ เช่น จมูก ปอด หรือกะบังลม ทั้งนี้ระบบทางเดินหายใจจะทำงานอยู่ตลอดเวลาและมีความสำคัญต่อร่างกายมาก
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
หากเกิดความผิดปกติกับระบบทางเดินหายใจ หรือมีเหตุใดให้ระบบทางเดินหายใจหยุดทำงาน ก็อาจส่งผลกระทบถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทำความรู้จักอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ
อวัยวะในระบบทางเดินหายใจ สามารถแบ่งตามตำแหน่งที่อยู่ออกเป็น 2 กลุ่มคือ อวัยวะในทางเดินหายใจส่วนบนและอวัยวะในทางเดินหายใจส่วนล่าง มีรายละเอียดดังนี้
อวัยวะในทางเดินหายใจส่วนบน
- จมูก (Nose) เป็นทางผ่านด่านแรกของอากาศที่หายใจเข้าไป ภายในจมูกจะมีขนขนาดเล็ก มีเยื่อเมือกหนาๆ ที่ช่วยกรองฝุ่นละออง และดักจับเชื้อโรค นอกจากนี้ยังมีเส้นประสาทรับกลิ่นอีกด้วย
- คอหอย (Pharynx) เป็นหลอดตรงยาวที่เชื่อมต่อกันระหว่างช่องจมูกและช่องปาก โดยมีเพดานอ่อนเป็นตัวกั้น คอหอยเป็นทางผ่านของทั้งอาหารและอากาศ และยังเกี่ยวข้องกับการออกเสียงด้วย
อวัยวะในทางเดินหายใจส่วนล่าง
- หลอดลม (Trachea) เป็นท่อที่ต่อมาจากคอหอยและกล่องเสียงลงไปสู่ปอด หลอดลมมีลักษณะเป็นหลอดกลมๆ ประกอบด้วยกระดูกอ่อนและเปิดให้อากาศเข้าตลอดเวลา หลอดลมมีหน้าที่หลักคือ นำอากาศที่หายใจเข้าไปสู่ปอด โดยหลอดลมแบ่งได้เป็น
- หลอดลมขนาดใหญ่ ต่อมาจากกล่องเสียง
- หลอดลมปอด (Bronchi) แตกแขนงจากหลอดลมใหญ่ไปสู่ปอดทั้งซ้ายและขวา
- หลอดลมฝอย (Bronchiole) เป็นแขนงเล็กๆ แยกย่อยไปยังถุงลมในปอดอีกทีหนึ่ง
- ปอด (Lung) ตั้งอยู่ที่ 2 ข้างของช่องทรวงอก ฐานปอดจะแนบสนิทกับกะบังลม มีหัวใจอยู่ตรงกลางระหว่างปอด 2 ข้าง ภายในปอดประกอบด้วยถุงลมขนาดเล็กที่ยืดหยุ่นจำนวนมาก มีหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซ โดยจะเติมออกซิเจนเข้าสู่หลอดเลือดและนำคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเลือดเพื่อขับออกทางการหายใจ จากนั้นเลือดที่ถูกเติมออกซิเจนนั้นจะถูกส่งต่อไปยังหัวใจ เพื่อเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดในการกระจายเลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย
- กะบังลม (Diaphragm) เป็นแผ่นกล้ามเนื้อด้านล่างกระดูกซี่โครงที่แบ่งช่องอกออกจากช่องท้อง ซึ่งการหดและคลายตัวของกะบังลมนั้นมีผลต่อการควบคุมการหายใจเข้าออก
การทำงานของระบบทางเดินหายใจ
โดยทั่วไปเราจะมีอัตราการหายใจประมาณ 14-18 ครั้งต่อนาที ซึ่งอาจมาก หรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เป็นตัวควบคุมการหายใจเข้า-ออก ได้แก่ ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดและความต้องการออกซิเจน
เช่น เวลาหลับเราจะหายใจช้าลง แต่ในขณะออกกำลังกาย เราจะต้องการออกซิเจนมากทำให้หายใจถี่ขึ้น
กระบวนการทำงานของระบบทางเดินหายใจมีดังนี้
- เมื่อเราหายใจเข้า กะบังลมจะเลื่อนต่ำลง ทำให้พื้นที่ช่องอกมากขึ้น ความดันอากาศรอบๆ ปอดลดลง อากาศจากภายนอกจึงไหลเข้ามายังปอดได้ อากาศที่เราหายใจเข้ามาจะผ่านการกรองฝุ่นและเชื้อโรคที่จมูกก่อน
- หลังจากนั้นอากาศจะเคลื่อนผ่านคอหอย กล่องเสียง และหลอดลม ลงมายังปอด ที่ถุงลมปอดจะเป็นจุดที่เกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซ
- ก๊าซออกซิเจนจากอากาศที่รับเข้ามาจะแพร่เข้าสู่หลอดเลือดแดงและไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ
- ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากทั่วร่างกายจะลำเลียงผ่านหลอดเลือดดำมายังปอด และแพร่สู่หลอดลมในปอด จากนั้นจะถูกขับออกพร้อมลมหายใจออก
ความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ
ความผิดปกติมักเกิดขึ้นกับอวัยวะต่างๆ ในระบบหายใจ มีตั้งแต่หายใจติดขัด คัดจมูก ไอจามเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงอาการรุนแรงอย่างหายใจไม่ออก และมีคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในเลือด
ตัวอย่างโรคในระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อย ได้แก่
- โรคที่เกิดจากการติดเชื้อ
- โรคหวัด เกิดได้จากเชื้อไวรัสหลายชนิด ทำให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ซึ่งมักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์
- คออักเสบ เกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย อาการที่เด่นชัดคือ เจ็บคอ ไอ และอาจมีไข้ในบางครั้ง
- ปอดอักเสบ หรือปอดบวม มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา อาการที่พบคือ มีไข้สูง หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก อาจพบฝีในปอด และน้ำคั่งในปอดด้วย
- วัณโรค เกิดจากแบคทีเรียไมโคแบคทีเรียมทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium tuberculosis) มักพบอาการไอเรื้อรัง เสมหะเป็นเลือด เจ็บหน้าอก มีไข้ อ่อนเพลีย และน้ำหนักลด
- โรคที่เกิดจากสาเหตุอื่น
- หอบหืด เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม เป็นผลให้หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก และหายใจมีเสียงวี๊ดๆ
- โรคภูมิแพ้ เกิดจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันจากการได้รับสิ่งกระตุ้น ทำให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม และอาจเกิดอาการกับระบบอื่นๆ ด้วย
- ถุงลมโป่งพอง เกิดจากการอักเสบของถูกลมปอดจนพองและแตกออก จนเกิดอาการไอเรื้อรังและหายใจตื้น ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการสูบบุหรี่
- มะเร็งปอด มักเกิดจากการสูดดมควันบุหรี่ อาการในระยะแรกที่สังเกตได้คือ เจ็บหน้าอก ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เบื่ออาหาร และน้ำหนักลด
การดูแลระบบทางเดินหายใจ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพื่อป้องไม่ให้ถุงลมและปอดถูกทำลาย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นละออง ขนสัตว์
- อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศบริสุทธิ์ และไม่มีมลภาวะ
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
หมั่นรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่เพียงแต่ระบบทางเดินหายใจเท่านั้น เพราะหากระบบใดระบบหนึ่งในร่างกายมีความอ่อนแอ มีปัญหา หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็อาจทำให้ร่างกายมีความผิดปกติเกิดขึ้นตามมาได้
ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพปอด เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android