โรคคออักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียนั้นทำให้เกิดการอักเสบและเจ็บในคอ ส่วนมากมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus กลุ่ม A โรคนี้สามารถเกิดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ทุกช่วงอายุ แต่มักพบบ่อยในเด็กที่มีอายุระหว่าง 5-15 ปี การมีน้ำมูกและไอนั้นสามารถแพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้
อาการที่พบ
ความรุนแรงของอาการในโรคนี้นั้นจะขึ้นกับแต่ละบุคคล บางคนอาจจะมีอาการไม่รุนแรงเช่นเจ็บคอ ในขณะที่บางคนอาจจะมีอาการรุนแรงกว่าเช่นมีไข้ กลืนลำบาก อาการที่พบบ่อยของโรคนี้ประกอบด้วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- มีไข้ฉับพลันและมักจะสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
- เจ็บคอ คอแดงและมีปื้นสีขาว
- ปวดหัว
- หนาวสั่น
- เบื่ออาหาร
- ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
- มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืน
อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นภายใน 5 วันหลังจากที่ได้รับเชื้อ
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
อาการเจ็บคอนั้นไม่ได้เกิดจากโรคนี้เพียงอย่างเดียว โรคอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอประกอบด้วย
- หวัด
- การติดเชื้อในโพรงจมูก
- มีน้ำมูกไหลด้านหลังจมูก
- กรดไหลย้อน
อาการเจ็บคอที่เกิดจากโรคอื่นๆ นั้นมักจะดีขึ้นได้เองโดยที่อาจจะได้รับการรักษาหรือไม่ก็ได้ในเวลาไม่กี่วัน
ควรไปพบแพทย์หากคุณมีอาการต่อไปนี้
- เจ็บคอนานกว่า 2 วัน
- เจ็บคอและมีปื้นสีขาว
- สีจุดสีแดงเข้มที่ต่อมทอนซิลหรือเพดานปาก
- เจ็บคอ ร่วมกับมีผื่นสีชมพูลักษณะคล้ายกระดาษทรายที่ผิวหนัง
- หายใจลำบาก
- กลืนลำบาก
การวินิจฉัย
หากคุณมีอาการเจ็บคอเรื้อรัง แพทย์จะทำการตรวจคอและมองหาการอักเสบที่อาจเกิดขึ้น แพทย์อาจจะมีการตรวจต่อมน้ำเหลืองที่คอและถามอาการอื่นๆ หากแพทย์สงสัยว่าเกิดจากโรคนี้ อาจมีการใช้ไม้พันสำลีป้ายที่ด้านหลังของคอเพื่อเก็บตัวอย่างก่อนนำไปตรวจว่าเกิดจากการติดเชื้อนี้หรือเชื้ออื่นๆ
การตรวจนี้เป็นการตรวจที่ให้ผลเร็วและใช้เวลาเพียงไม่นาน หากพบว่าผลเป็นลบ แต่แพทย์ยังคงคิดว่าเป็นโรคนี้ อาจจะมีการตรวจซ้ำอีกครั้ง
การรักษา
ยาปฏิชีวนะ
หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ แพทย์จะทำการสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ ยาเหล่านี้จะยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียและการติดเชื้อ มียาหลายชนิดที่สามารถใช้ได้ แต่ยาที่มักใช้บ่อยก็คือยา penicillin และ amoxicillin
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
คุณจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะให้หมดเพื่อให้สามารถฆ่าเชื้อได้ทั้งหมด หากหยุดยาหลังจากที่อาการดีขึ้น อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำและทำให้เกิดอาการอีกครั้งได้
การดูแลที่บ้าน
นอกเหนือจากการใช้ยาปฏิชีวนะแล้ว มีวิธีการรักษาที่บ้านที่อาจจะช่วยทำให้อาการของโรคนี้ดีขึ้นเช่น
- การดื่มน้ำอุ่น เช่นน้ำผสมเลมอนและชา
- ดื่มน้ำเย็นเพื่อช่วยให้รู้สึกชาที่คอ
- ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ
- รับประทานยาแก้ปวดเช่นพาราเซตามอล
- เติมเกลือ ½ ช้อนชาลงในน้ำ 1 ถ้วยก่อนนำมากลั้วปาก
ผลลัพธ์ในการรักษา
หากได้รับการรักษา อาการมักจะดีขึ้นภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่ถ้าหากไม่ได้รักษา อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น
- การติดเชื้อที่หู
- การติดเชื้อที่โพรงจมูก
- โรคไข้รูห์มาติกซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบที่ข้อ หัวใจและผิวหนัง
- Poststreptococcal glomerulonephritis ซึ่งเป็นการอักเสบของไต
- Mastoiditis การติดเชื้อที่กระดูก mastoid ที่กะโหลกศีรษะ
- ไข้อีดำอีแดง เกิดจากสารพิษที่สร้างจากเชื้อ strep ทำให้เกิดผื่นสีดำแดงตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
- Guttate psoriasis เป็นภาวะที่ทำให้เกิดจุดสีแดง ขนาดเล็กรูปร่างคล้ายหยดน้ำตามร่างกาย
- Peritonsillar abscess เป็นการติดเชื้อที่มีหนองอยู่ด้านหลังต่อมทอนซิล
เพื่อลดโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์หากคุณมีอาการของโรคนี้และอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมงหลังใช้ยาปฏิชีวนะ เพราะอาจจะจำเป็นต้องใช้ยาตัวอื่นในการรักษาการติดเชื้อ