กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

โรคกระเพาะอาหาร แผลที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหาร

หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด อาการเด่นของโรคกระเพาะอาหาร โรคยอดฮิตของคนที่กินอาหารไม่ตรงเวลา
เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 2021 ตรวจสอบความถูกต้อง 4 ก.ย. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
โรคกระเพาะอาหาร แผลที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหาร

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • โรคกระเพาะอาหาร หรือแผลในกระเพาะอาหาร เกิดจากการที่มีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป ทำให้เยื่อบุทางเดินอาหารเกิดความระคายเคืองจนเป็นแผล
  • มักมีอาการแสบท้อง ปวดท้องจุกแน่นเวลาหิว ปวดท้องมากเวลารับประทานอาหารรสจัด บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
  • วิธีการรักษาคือ รับประทานยาลดกรดและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น รับประทานอาหารให้ตรงเวลา เลี่ยงอาหารรสจัด เคี้ยวอาหารให้ละเอียด
  • ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม รวมไปถึงงดสูบบุหรี่
  • หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร ดังนั้นควรตรวจสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอ
  • ดูแพ็กตรวจสุขภาพได้ที่นี่

"กระเพาะอาหาร" เป็นอวัยวะที่สำคัญในระบบทางเดินอาหาร ทำหน้าที่รองรับอาหารที่รับประทานและย่อยอาหารให้มีโมเลกุลเล็กลงด้วยน้ำย่อยและกรดที่หลั่งออกมาจากผนังของกระเพาะอาหาร ทั้งนี้การหลั่งของน้ำย่อยและกรดในกระเพาะอาหารขึ้นอยู่กับการกระตุ้นหลายประการ

ปัจจัยกระตุ้นการหลั่งของน้ำย่อยและกรดในกระเพาะอาหาร

  • ระบบประสาทปกติ กระเพาะอาหารจะมีการควบคุมโดยระบบประสาท เมื่อมีอะไรมากระตุ้นจะทำให้เกิดการหลั่งของกรดมากขึ้น
  • อาหารที่ประกอบด้วยไขมัน แป้ง โปรตีน เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น
  • เครื่องดื่มบางชนิด เช่น สุรา กาแฟ มีสารกระตุ้นในการสร้างกรด
  • ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน คอติโซน นอกจากมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างกรดแล้วยังมีผลทำลายเยื่อบุกระเพาะโดยตรงได้
  • การสูบบุหรี่จะกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะ ทำให้มีกรดในกระเพาะอาหารสูงกว่าปกติ
  • ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไขข้ออักเสบ โรคปวดเรื้อรัง จะมีโอกาสเกิดโรคกระเพาะสูงกว่าปกติ

โรคกระเพาะอาหาร หรือแผลในกระเพาะอาหาร

โรคกระเพาะอาหารเป็นโรคที่พบบ่อย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างรีบเร่งแข่งกับเวลา ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้องแบบเป็นๆ หายๆ หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจ รักษาโรคทางเดินอาหาร วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 116 บาท ลดสูงสุด 74%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

โรคกระเพาะอาหาร หรือแผลในกระเพาะอาหาร หมายถึง แผลที่เกิดในเยื่อบุทางเดินอาหารส่วนที่สัมผัสกับน้ำย่อย หรือกรดในกระเพาะอาหาร 

สาเหตุส่วนมากมักเกิดจากการมีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไปทำให้เยื่อบุทางเดินอาหารเกิดความระคายเคืองจนเป็นแผล ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่กระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร แผลในลำไส้ส่วนต้น (ดูโอดินัม) เป็นต้น

สาเหตุ หรือปัจจัยเสี่ยงของโรคกระเพาะอาหาร 

  • รับประทานอาหารรสจัดเป็นประจำ 
  • รับประทานอาหารไม่เป็นเวลาเป็นประจำ
  • รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์เป็นประจำ
  • รับประทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะเป็นประจำ
  • มีความเครียดและวิตกกังวลทำให้มีการหลั่งกรด หรือน้ำย่อยมากขึ้น
  • การดื่มเครื่องดื่มบางประเภท เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สุรา กาแฟ 
  • การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวดแอสไพริน หรือยาลดการอักเสบ เป็นประจำ
  • การสูบบุหรี่ เพราะสารนิโคตินในบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดหดรัดตัว เลือดไปเลี้ยงกระเพาะอาหารน้อยลงทำให้แผลในกระเพาะอาหารหายช้า

อาการของโรคกระเพาะอาหาร

  • แสบท้อง 
  • ปวดท้องแบบจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ มักปวดเวลาหิว หรือท้องว่าง ถ้าได้รับประทานอาหาร หรือนม อาการปวดท้องก็จะทุเลาลง 
  • บางรายอาจมีอาการปวดท้องมากเวลารับประทานอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือดื่มน้ำอัดลม
  • บางครั้งมีอาการปวดท้องตอนดึกๆ
  • ปวดแน่น ท้องอืด มีลมในท้องมาก หรือคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย โดยเฉพาะหลังมื้ออาหารทำให้อิ่มง่ายกว่าปกติ 
  • เบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง
  • ปวดท้องเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ มานานเป็นปี 

อาการแทรกซ้อนของโรคกระเพาะอาหาร

  • ในรายที่กระเพาะอาหารเป็นแผลลึกทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารได้อาจมีอาการอาเจียนเป็นเลือด และถ่ายอุจจาระเป็นสีดำด้วย

การวินิจฉัยโรคกระเพาะอาหาร

ส่วนใหญ่อาศัยการซักประวัติและตรวจร่างกาย เช่น ลักษณะการปวดท้อง ประวัติที่ใช้ยา บางรายอาจตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่อไปนี้

  • การเอกซเรย์โดยให้ผู้ป่วยกลืนแป้งแล้วถ่ายภาพรังสี แป้งจะเข้าไปเคลือบกระเพาะทำให้เห็นแผล
  • การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น เพื่อดูแผลในกระเพาะอาหารแล้วตัดชิ้นเนื้อมาตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นแผลในกระเพาะอาหาร ไม่ใช่เป็นเนื้อของมะเร็ง
  • การดูดเอาน้ำย่อยไปตรวจดูว่า มีกรดสูงมากแค่ไหนก็เป็นส่วนช่วยในการวินิจฉัย 

ส่วนการแยกโรคที่สำคัญโรคหนึ่งที่ต้องแยกออกให้ได้คือ มะเร็งในกระเพาะอาหาร ซึ่งโรคนี้จากการตรวจทางรังสี การส่องกระเพาะ และการตรวจชิ้นเนื้อ สามารถวินิจฉัยแยกโรคได้

การรักษาโรคกระเพาะอาหาร

ในเบื้องต้นจะรักษาด้วยยาลดกรดก่อน หากไม่ได้ผลจริงๆ หรือมีอาการแทรกซ้อนแพทย์จะวางแผนการรักษาเป็นรายๆ ไป

ยาลดกรดนั้นมีหลายชนิด มีความแตกต่างกันบ้างแล้วแต่ชนิดของยา แต่องค์ประกอบส่วนใหญ่ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร ผู้ป่วยควรรับประทานยาลดกรดสม่ำเสมอจนครบตามที่แพทย์สั่ง 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักหยุดยาเอง เนื่องจากเมื่อได้รับยาเข้าไปแล้วอาการจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การที่ผู้ป่วยรับประทานยาไม่สม่ำเสมอจะทำให้แผลไม่หายสนิท และมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อบรรเทาอาการโรคกระเพาะอาหาร

  • รับประทานอาหารให้ตรงเวลาทุกมื้อ
  • รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย 
  • เคี้ยวช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด ของหมักดอง
  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และน้ำอัดลม
  • งดการสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน ยาแก้ปวด และยาลดการอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการซื้อยามารับประทานเอง
  • หลีกเลี่ยงความเครียด ความวิตกกังวล
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

โรคกระเพาะอาหาร ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ได้รักษาอาจจะเกิดอาการแทรกซ้อน อาการที่พบคือ เลือดออกในทางเดินอาหาร กระเพาะอาหารทะลุ ซึ่งต้องรักษาทางศัลยกรรมต่อไป และยังมีโอกาสที่แผลนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ในอนาคต 

ทางที่ดีที่สุดเมื่อเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหารแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย รวมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร และการใช้ชีวิตบางอย่างใหม่เพื่อให้อาการทุเลาขึ้น และมีโอกาสหายเป็นปกติ ไม่ป่วยเรื้อรัง  

ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัพเดทแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


7 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป