รู้หรือไม่ การนั่งทำงานในออฟฟิศเฉยๆ เป็นเวลานานก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้เหมือนกัน หากคุณเป็นมนุษย์ออฟฟิศที่ทุ่มเทเวลาและแรงกายในการทำงาน จนเริ่มมีอาการปวดตามหลัง ไหล่ คอ ปวดหัว ปวดตา อย่าได้มองข้ามเป็นอันขาด
เพราะที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นอาการของโรค “ออฟฟิศซินโดรม” ซึ่งหากไม่ได้รับการบำบัดรักษาหรือป้องกันอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพในภายหลังได้
นวดจัดกระดูก (Chiropractic) วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 765 บาท ลดสูงสุด 52%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อาการของออฟฟิศซินโดรมมีอะไรบ้าง?
อาการออฟฟิศซินโดรมในระยะแรกนั้นมักจะไม่รุนแรง ทำให้หลายคนชะล่าใจ ละเลยการรักษา และไม่ยอมปรับเปลี่ยนท่าทางหรือพฤติกรรมการทำงานให้เหมาะสม เมื่อนานวันเข้าจึงสะสมและกลายเป็นอาการที่รุนแรงในที่สุด มาลองสังเกตกันดูว่าคุณมีอาการขั้นต้นของโรคออฟฟิศซินโดรมต่อไปนี้หรือไม่
- ปวดศีรษะ อาจปวดร้าวไปถึงตา และมีอาการปวดตุ๊บๆ คล้ายไมเกรนบ่อยๆ เกิดได้จากการใช้สายตาในการทำงานมาก ประกอบกับมีความเครียดสะสม วิตกกังวล และพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ปวดเมื่อยหรือเกร็งตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่น หลัง ไหล่ สะบัก ต้นคอ แขน ข้อมือ นิ้วมือ เนื่องจากการนั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งมากเกินไป ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข จะกลายเป็นอาการปวดเรื้อรังและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นอยู่เฉยๆ ก็ปวดขึ้นมาเองได้
- มีอาการเจ็บ ตึง และชาตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งพัฒนามาจากอาการปวดเรื้อรัง อาการเหล่านี้เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ มีเอ็นอักเสบทับเส้นประสาท หรือเส้นประสาทตึงตัว จนกลายเป็นอาการชาตามมือตามแขน เส้นยึด และนิ้วล็อกในที่สุด
- อาการเหน็บชาและแขนขาอ่อนแรง เกิดขึ้นได้หากนั่งนานเกินไปจนทำให้มีการกดทับเส้นประสาทหรือการไหลเวียนเลือดผิดปกติ โดยมักจะมีอาการชาบริเวณนิ้วกลาง นิ้วนาง และปวดแปล๊บๆ บริเวณข้อมือได้
- นิ้วล็อก การจับเมาส์หรือการใช้นิ้วมือและข้อมือจับโทรศัพท์มือถือในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ เป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นนิ้วมือ ทำให้เส้นเอ็นหนาตัวขึ้นและส่งผลให้ไม่สามารถเหยียดนิ้วมือได้ตามปกติ
- นอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่สนิท เกิดจากความเครียด รวมถึงการมีอาการปวดเมื่อยและปวดหัวมารบกวนในเวลานอนเป็นระยะ
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรม?
นายแพทย์วรวัฒน์ เอียวสินพาณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู กล่าวว่า ไม่ใช่แค่คนทำงานออฟฟิศเท่านั้นที่มีอาการในกลุ่มนี้ได้
เพราะหากทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนเดิมซ้ำๆ ทุกวัน ก็อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นตึงและบาดเจ็บในภายหลังได้เช่นกัน เช่น พ่อครัวแม่ครัวที่ต้องจับตะหลิวเป็นประจำ คนที่ทำงานทาสี งานช่างต่างๆ
ปัจจุบันออฟฟิศซินโดรมยังพบได้มากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมการใช้โซเชียลและออนไลน์ ซึ่งมักจะเผลอก้มหน้า งอคอ ห่อไหล่เมื่อดูหน้าจอ หรือทำท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานานโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้คนอายุมาก ซึ่งจะเริ่มเกิดการเสื่อมของร่างกาย การทรุดตัวของกระดูก และการกดทับของเส้นประสาท ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงเกิดอาการในกลุ่มออฟฟิศซินโดรมได้สูง
สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม
พฤติกรรมต่อไปนี้เป็นสาเหตุของการเกิดออฟฟิศซินโดรม
นวดจัดกระดูก (Chiropractic) วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 765 บาท ลดสูงสุด 52%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- การนั่งทำงานในอิริยาบถเดิมนานๆ โดยไม่มีการขยับปรับเปลี่ยนท่าทาง เพื่อยืดหรือผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- ท่าทางการนั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่สูงหรือต่ำกว่าระดับสายตามากเกินไป เก้าอี้เตี้ยหรือสูงเกินไป ทำให้ต้องเงยหรือก้มหน้าตลอดการใช้งาน
- การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป การเพ่งใช้สายตามากๆ การปรับความสว่างของหน้าจอไม่สมดุลกับความสว่างในห้อง ประกอบกับแสงสีฟ้า (Blue light) จากจอภาพที่ทำให้มีอาการปวดหัวปวดตาตามมาได้
- การทำงานหนักเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน รวมถึงความเครียดและความวิตกกังวลที่เกิดจากการทำงาน
นอกจานี้สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะสม เช่น ออฟฟิศแออัด อากาศไม่ถ่ายเท โต๊ะเก้าอี้ไม่เหมาะกับสรีระร่างกาย อุปกรณ์ในออฟฟิศเต็มไปด้วยฝุ่น ก็ส่งผลให้เกิดออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน
ภาวะแทรกซ้อนของออฟฟิศซินโดรม
อาการของออฟฟิศซินโดรม หากปล่อยไว้โดยไม่บำบัดรักษา หรือไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ก็อาจทำให้มีอาการสะสมเรื้อรัง และเกิดอันตรายตามมาได้ เช่น
- เสี่ยงเกิดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคด และแขนขาอ่อนแรง หากรุนแรงมากอาจทำให้เดินไม่ได้ ต้องทำกายภาพบำบัด หรือผ่าตัดเลยทีเดียว
- เสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า อันมาจากความเครียดสะสม ความกดดัน และบรรยากาศไม่ดีในที่ทำงาน
- เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง จากการรับประทานอาหารจุบจิบในเวลาทำงาน และไม่มีเวลาออกกำลังกาย
การรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยตนเอง
ผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรมส่วนใหญ่สามารถบำบัดรักษาได้ด้วยตนเองก่อนในเบื้องต้น เพียงหมั่นยืดคลายกล้ามเนื้อเป็นประจำ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมตามคำแนะนำต่อไปนี้
- เมื่อไรที่เริ่มรู้สึกเมื่อยล้า ควรพักจากการทำงานเพื่อผ่อนคลายร่างกายและสมอง เช่น ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายประมาณ 5 นาที หรือเดินไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง ไม่ควรนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป
- หมั่นออกกำลังกายเพื่อยืดและคลายกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแนวกลางลำตัว เช่น โยคะ หรือพิลาทิส เพราะจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ป้องกันเอ็นและข้อยึด นอกจากนี้ยังช่วยผ่อนคลายความเครียด และเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายด้วย
- ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น เปลี่ยนโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะกับสรีระ จัดการออฟฟิศให้สะอาด น่าอยู่ และมีอากาศถ่ายเทมากขึ้น
- ปรับระดับความสูงของเก้าอี้ให้เท้าสามารถวางจรดกับพื้นขณะนั่ง และเข่าอยู่ระดับเดียวกับสะโพกหรือต่ำกว่าเล็กน้อย
- นั่งทำงานหลังตรงแนบกับพนักพิง ตัวตรง ไม่เอนไปทางโต๊ะหรือพนักเก้าอี้มากเกินไป และกะระยะห่างจากหน้าจอประมาณหนึ่งช่วงแขน
- ระวังอย่านั่งห่อไหล่หรือยกไหล่ขึ้นสูงเกินไป พยายามให้ไหล่อยู่ในท่าทางธรรมชาติ
- ให้หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ตรงหน้าพอดีและต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย เพื่อให้คออยู่ในท่าธรรมชาติ ไม่ต้องแงนหรือก้มเกินไป
- สำหรับคนที่มีอาการรุนแรงและไม่สามารถรักษาได้ในเวลาอันสั้น อาจต้องพักงานหรือเปลี่ยนงาน เพื่อไม่ให้อาการแย่ลงกว่าเดิม
การรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยวิธีทางการแพทย์
หากไม่แน่ใจว่าเป็นออฟฟิศซินโดรมหรือไม่ หรือกังวลใจเกี่ยวกับอาการที่เป็น คุณสามารถไปพบแพทย์ได้ ซึ่งในเบื้องต้นแพทย์ก็มักจะแนะนำให้ปรับพฤติกรรมและอาจให้ใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาบรรเทาอาการอักเสบของเอ็นและกล้ามเนื้อ ยาคลายเครียด เป็นต้น
ทั้งนี้ก่อนจะใช้ยาใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง ในกรณีที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นขยับร่างกายลำบาก เดินไม่ได้ มีอาการรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำงาน อาจต้องใช้เวชศาสตร์ฟื้นฟู หรือการทำกายภาพบำบัด
เช่น การทำอัลตราซาวนด์ การประคบอุ่น การยิงเลเซอร์ ร่วมด้วย (สามารถดูรายละเอียดเเละราคาคอร์สทำกายภาพบำบัดได้ที่นี่)
กายภาพบำบัดออฟฟิศซินโดรม วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 581 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
รวมถึงการรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือกอื่นๆ เช่น การฝังเข็ม การนวดกดจุด เป็นต้น ซึ่งแพทย์จะพิจารณาว่าวิธีไหนเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายมากที่สุด และอาจมีการรักษาร่วมกันหลายวิธี
ออฟฟิศซินโดรมป้องกันได้อย่างไร?
- ควรจัดสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้ดี และเป็นมิตรแก่ผู้ทำงานแต่แรก ทั้งด้านสถานที่ทำงาน เครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ และสังคมในออฟฟิศ
- จัดท่าทางหรืออิริยาบถเวลานั่งทำงานให้เหมาะสม เช่น ไม่นั่งหลังงอหรือเกร็งเกินไป
- ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อให้แข็งแรง และเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน
- พักผ่อนให้เพียงพอ จัดสรรเวลางานและเวลาพักผ่อนให้สมดุลกัน หากมีโอกาสควรหาเวลาพักร้อนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
นอกจากสภาพแวดล้อมและลักษณะท่าทางการทำงานที่เหมาะสมแล้ว การใช้โทรศัพท์มือถือก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ
เพราะหลายต่อหลายครั้งที่ท่าทางการใช้โทรศัพท์ที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้มากเกินไปก่อให้เกิดความล้าและเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อ เพราะฉะนั้นใครที่รู้ตัวว่าใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินความจำเป็นก็ควรปรับลดพฤติกรรมส่วนนี้ด้วย
ดูแพ็กเกจกายภาพบำบัด เปรียบเทียบราคา โปรโมชันล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android