รอยสิว แผลเป็น และรอยดำรอยแดงจากสิว เป็นปัญหาผิวพรรณที่บั่นทอนความมั่นใจของใครหลายคนไม่น้อย เพราะจะปล่อยไว้ก็ไม่งาม จะใช้เครื่องสำอางปกปิดหนาๆ ก็กลัวรูขุมขนอุดตันจนเป็นสิวขึ้นอีก ทางที่ดีที่สุดคือต้องหาวิธีกำจัดรอยสิวไปให้สิ้นซาก เพื่อให้ใบหน้ากลับมาเนียนใสดังเดิม ซึ่งวิธีลดรอยสิวนั้นก็มีให้เลือกหลายแบบ มาดูกันดีกว่าว่าแต่ละวิธีเหมาะกับรอยสิวแบบไหน มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และวิธีไหนที่เหมาะกับเราที่สุด
รอยสิวแบ่งเป็น 3 ลักษณะ
รอยจากการเปลี่ยนสีของผิว (รอยดำรอยแดง)
เริ่มแรกมักปรากฏเป็นรอยแดงหลังสิวหาย เมื่อเวลาผ่านไป รอยนี้ก็จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จากนั้นจะจางหายไปได้เอง แต่อาจใช้เวลานานหลายเดือนหรือเป็นปีเลยทีเดียว การ
รักษาสิว ลดรอยสิววันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 93%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
วิธีการรักษา:
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดหรือทาครีมกันแดด จะช่วยให้รอยสิวชนิดนี้จางลงเร็วขึ้น แต่หากถูกแสงแดดมาก สีก็จะเข้มและคงอยู่ได้นานกว่าเดิม
- ใช้ยาทาลดรอยสิว เช่น วิตามินเอ วิตามินซี กรดผลไม้ กรดอะเซลาอิก หรือยาที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี
- ใช้เลเซอร์ที่มีคุณสมบัติจับเม็ดสีส่วนเกิน เช่น ไอพีแอล (IPL), เพาซ์ดายด์เลเซอร์, คิวสวิทช์ เอ็นดี แย็ก เลเซอร์ เป็นต้น
รอยแผลเป็นชนิดหลุม
เป็นรอยสิวที่ไม่หายไปเองตามกาลเวลาเหมือนรอยดำรอยแดง มักพบบริเวณจมูก แก้ม หน้าผาก สาเหตุมาจากคอลลาเจนใต้ผิวบริเวณนั้นๆ ลดลง จึงต้องรักษาด้วยวิธีสร้างคอลลาเจน
วิธีการรักษา:
- ใช้น้ำยาแต้มบริเวณหลุมสิวเพื่อกระตุ้นให้เกิดบาดแผลเล็กๆ ที่ผิวหนัง และเกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้น
- กรอผิว ซึ่งเป็นการลอกเอาผิวชั้นนอกสุดออกไป ช่วยให้ผิวเรียบขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมากนัก
- ใช้เลเซอร์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยให้ลดหลุมสิวได้เป็นอย่างดี และยังช่วยในเรื่องรูขุมขนกว้าง ผิวหยาบ ทำให้ใบหน้าเนียนใสขึ้น
- ใช้การสอดเข็มลงไปใต้ผิวหนังเพื่อทำงายพังผืด ซึ่งจะมีผลทำให้ผิวบริเวณที่สอดเข็มมีเลือดออก และฟกช้ำอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่ก็จะช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นหลังจากนั้น
- การทำเมโส คือการฉีดสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพผิวเข้าสู่ผิวหนังชั้นในโดยตรง ซึ่งผลลัพธ์ก็จะขึ้นอยู่กับสารที่เป็นส่วนผสม
รอยแผลเป็นชนิดนูน หรือคีลอยด์
แผลเป็นชนิดนูนหรือคีลอยด์ มักมีขึ้นมาหลังจากเป็นสิวบริเวณกราม หลัง หน้าอก และต้นแขน โดยจะพบว่ามีพังผืดมากกว่าปกติบริเวณใต้ผิวหนังบริเวณนี้ และมีคอลลาเจนหนาและจับกลุ่มเป็นก้อน รอยแผลชนิดนี้ไม่สามารถหายได้เอง
วิธีการรักษา:
- ฉีดยาสเตียรอยด์เข้าใต้แผลเป็นเพื่อให้ก้อนพังผืดยุบตัวลง เป็นวิธีที่ให้ผลดี มักฉีดประมาณเดือนละ 1 ครั้ง
- ใช้แผ่นเจลซิลิโคนแปะบริเวณแผลเป็น ควรทำตั้งแต่เกิดแผลเป็นนูนแรกๆ วิธีนี้จะช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นมากขึ้น และลดการอักเสบได้
- ใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากหัวหอม โดยมีงานวิจัยพบว่าสารสกัดจากหัวหอมมีคุณสมบัติลดการอักเสบและช่วยให้สีของแผลเป็นนูนจางลง
- ใช้เลเซอร์เพื่อช่วยให้แผลเป็นนิ่มตัวเร็วขึ้นและมีสีจางลง
- ผ่าตัดเอาแผลเป็นนูนออก แต่ก็มีโอกาสกลับเป็นซ้ำสูง
เปรียบเทียบการลดรอยสิวแต่ละวิธี
อันดับแรกในการป้องกันการเกิดรอยสิวก็คือการรักษาสิวให้หายอย่างถูกวิธี โดยต้องดูแลรักษาความสะอาดให้ดี และที่สำคัญคือห้ามบีบหรือแกะสิวเป็นอันขาด เพราะอาการคันไม้คันมือ อยากหายเร็วๆ อย่างการแกะสิวนี่เองที่เป็นสาเหตุของการอักเสบและกระตุ้นให้เกิดรอยแผลเป็น รอยดำ และรอยแดงตามมาได้ง่าย
รักษาสิว ลดรอยสิววันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 93%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อย่างไรก็ตาม หลายต่อหลายครั้งที่การป้องกันรอยสิวทำได้ยาก แม้จะแทบไม่ได้ไปแกะเกาหรือสัมผัส แต่เมื่อสิวหาย สุดท้ายก็ปรากฏรอยสิวในลักษณะรอยดำหรือรอยแดงทิ้งไว้อยู่ดี ทำให้ต้องพึ่งวิธีลดรอยสิวต่อไปนี้
ใช้ยาทาลดรอยสิว
ผลิตภัณฑ์สำหรับทาลดรอยสิว มีทั้งหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ทั้งครีม โลชั่น และเจล ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติคล้ายกัน คือไปช่วยปรับสีผิวบริเวณที่เป็นแผลเป็น และลดรอยดำจากสิวโดยตรง โดยในยาทาลดรอยสิว มักมีส่วนประกอบสำคัญ ดังนี้
- วิตามินเอ มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและปรับสภาพผิวให้ชุ่มชื้น จึงช่วยแก้ปัญหาสิวอักเสบ ลบเลือนจุดด่างดำ ลดรอยสิว และยังช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีน ซึ่งมีส่วนช่วยให้แผลเป็นหรือหลุมสิวตื้นขึ้นได้
- วิตามินซี การทาวิตามิน ซี อาจไม่ช่วยในเรื่องรักษาสิวมากนัก แต่สำหรับการลดรอยสิวนั้นนับว่าให้ผลดีทีเดียว เนื่องจากวิตามินซีจะช่วยปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใสขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรอยดำหรือบริเวณที่สีผิวไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้วิตามินซียังมีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยเติมเต็มหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกว่าเดิม
- วิตามินอี มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว รวมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์เร็วขึ้น ทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวดูจางลง
- AHA และ BHA เป็นสารสกัดจากกรดผลไม้ มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยสิวดูจางลงและผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น แต่การใช้สารสกัดชนิดนี้บ่อยๆ อาจทำให้ผิวระคายเคืองและบางลงได้
- สารสกัดจากหอมแดง ในหอมแดงมีสารประกอบหลายชนิดที่ช่วยยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย เช่น วิตามิน บี3 และสารไพโอนิน (Pionin) จึงช่วยลดการเกิดสิว และยังช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้ดี
- สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ประกอบด้วย Allantoin (อัลลานโทอิน) และวิตามินต่างๆ ที่ช่วยปรับให้ผิวชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวที่อักเสบ ระคายเคือง และช่วยปรับสีผิวบริเวณรอยสิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น
ข้อดีของยาทาลดรอยสิว ราคาไม่สูง โดยผลิตภัณฑ์สำหรับทาลดรอยสิวนั้นมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาท หากใช้อย่างต่อเนื่องก็จะเห็นผลดีพอสมควร
ข้อเสียของยาทาลดรอยสิว เห็นผลลัพธ์ค่อนข้างช้า และต้องอาศัยความต่อเนื่องสม่ำเสมอในการทา จึงอาจไม่เหมาะกับคนใจร้อนที่ต้องการให้รอยสิวหายไปในเร็ววัน
รับประทานยา/อาหารเสริมลดรอยสิว
ผลิตภัณฑ์สำหรับรับประทานเพื่อบำรุงผิวและลดรอยสิว มีทั้งประเภทยาที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ และประเภทอาหารเสริมที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา โดยสารประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่ขึ้นชื่อว่าช่วยลดรอยสิว ได้แก่
- เรตินอยด์ (Retinoid) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ มีคุณสมบัติช่วยควบคุมความมัน ลดรอยสิวให้ดูจางลง และยังกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนมาเติมเต็มหลุมสิว แต่ผลข้างเคียงของยานี้คือทำให้ผิวแห้ง ปากแห้ง และตาแห้งได้ ดังนั้นการรับประทานยานี้จึงต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น
- วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นและกระจ่างใส ลดรอยดำ รอยแดงที่เกิดจากสิว และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อมาเติมเต็มหลุมสิวอีกด้วย
- วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกหนึ่งชนิดที่ช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของผิว และปกป้องผิวจากมลภาวะ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และลดรอยดำ รอยแดงจากสิวได้ แต่สำหรับคนที่ได้รับวิตามินอีจากอาหารอย่างเพียงพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินอีเสริมก็ได้
- ไฮยาลูรอน เป็นองค์ประกอบของโปรตีนใต้ชั้นผิวที่มีส่วนช่วยให้ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่น และชุ่มชื้น ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทั้งยังช่วยรักษารอยสิวประเภทหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้ด้วย
- สารสกัดจากเมล็ดองุ่น มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงสามารถช่วยปรับสีผิวโดยรวมให้ขาวขึ้นได้ ซึ่งรวมถึงผิวบริเวณที่มีรอยสิวด้วย นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียนสม่ำเสมออีกด้วย
ข้อดีของการรับประทานยาหรืออาหารเสริมลดรอยสิว ถือเป็นการบำรุงผิวและดูแลสุขภาพโดยรวมไปด้วยในตัว จึงให้ประโยชน์มากกว่าการรักษารอยสิวเพียงอย่างเดียว
รักษาหลุมสิว ลดรอยสิว วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 74%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ข้อเสียของการรับประทานยาหรืออาหารเสริมลดรอยสิว อาจไม่เห็นผลเร็วนัก อีกทั้งการรับประทานอาหารเสริมจะช่วยปรับสภาพผิวโดยรวมมากกว่าการลดรอยสิวเฉพาะจุด
ใช้เทคโนโลยีลดรอยสิว
เป็นวิธีการรักษารอยสิวและหลุมสิวที่ได้ผลดีและเห็นผลรวดเร็ว โดยเป็นการใช้พลังงานความร้อนจากแสงกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวและเกิดการผลัดเซลล์ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีลดรอยสิวด้วยแสงที่นิยมใช้กันมีหลายประเภท เช่น
- การใช้แสง LED (Light-emitting diode) คือการใช้แสงคลื่นแสงที่มีความเข้มในระดับต่างๆ (แสงสีแดง-น้ำเงิน) ตามความเหมาะสม โดยแสงสีฟ้าจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและยับยั้งการเกิดสิว แสงสีเขียวช่วยลดรอยแดง และรอยเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังที่เห็นได้ชัด แสงสีเหลืองช่วยปรับเม็ดสี จึงให้ผลดีในการรักษาฝ้า กระ และรอยดำ ส่วนแสงสีแดงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอย หลุมสิว และลดการอักเสบได้ด้วย
- การใช้คลื่นแสง IPL (Intense Pulse Light) ใช้รักษาปัญหาสิวอย่างครอบคลุม ทั้งฝ้า กระ รอยดำ รอยแดงจากสิว รวมถึงหลุมสิวตื้นๆ
- การเลเซอร์แบบ YAG (Yttrium-aluminum garnet) เห็นผลดีและรวดเร็ว โดยเฉพาะรอยสิวและหลุมสิวลึก แต่ผลข้างเคียงคือจะรู้สึกเจ็บ ผิวหนังแดง และอาจเกิดแผลหรือตกสะเก็ด ผิวหน้าบอบบาง ไวต่อแสง
- การเลเซอร์แบบ Fractional CO2 เป็นการใช้คลื่นแสงอนุภาคเล็กไปกระตุ้นให้ผิวซ่อมแซมตัวเอง วิธีนี้ให้ผลดีมาก แต่อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง โดยเฉพาะกรณีที่มีหลุมสิวขนาดใหญ่
- การใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency Therapy: RF) มีหลักการทำงานโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นผิวหนัง ลดรอยหลุมสิว และช่วยให้ผิวเนียนขึ้น
ข้อดีของการลดรอยสิวด้วยเทคโนโลยี เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว สามารถรักษารอยสิวได้ทุกประเภท แม้กระทั่งหลุมสิวลึกๆ
ข้อเสียของการลดรอยสิวด้วยเทคโนโลยี ราคาค่อนข้างสูง และจำเป็นต้องทำซ้ำหลายครั้ง จึงอาจทำให้ผิวบางลง และผิวระคายเคืองได้ง่าย
ได้รู้ถึงข้อมูลรายละเอียดและข้อดีข้อเสียของการลดรอยสิวแต่ละวิธีกันไปแล้ว ทีนี้ก็ลองเลือกที่ตอบโจทย์กับปัญหาและตรงความต้องการของตัวเองดูได้เลย หรือหากไม่ได้รุนแรงมากก็อาจลองเริ่มจากวิธีง่ายๆ ราคาเบาๆ อย่างการทายาและรับประทานยาลดรอยสิวกันก่อน หากไม่พอใจผลลัพธ์ค่อยลองเลือกใช้เทคโนโลยีกำจัดรอยสิวที่มีราคาสูงขึ้นมาก็ได้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารพัดวิธีลดรอยสิวด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ