รอยสิว รอยดำรอยแดงจากสิว และหลุมสิว ขึ้นชื่อว่าเป็นปัญหากวนใจที่รักษายากไม่แพ้สิว และทำให้หลายคนเสียความมั่นใจมานักต่อนัก ซึ่งสำหรับใครที่มีงบประมาณจำกัด และไม่อยากให้ผิวหน้าสัมผัสกับสารเคมี การเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่ขึ้นชื่อในเรื่องลดรอยสิวก็ดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด มาดูกันเลยว่ามีสูตรไหนที่โดนใจและน่าลองทำตามบ้าง
1. ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้อุดมไปด้วยวิตามิน เอ บี และอี ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และทำให้ผิวชุ่มชื้น หากเป็นสิวอักเสบและเกิดรอยสิว ให้นำใบว่านหางจระเข้มาล้างให้สะอาด และใช้มีดกรีดนำเจลข้างในออกมาทาตามจุดที่มีรอยสิว เท่านี้ก็จะช่วยให้การอักเสบลดลง และยังทำให้รอยสิวจางลงไปด้วย
รักษาหลุมสิว ลดรอยสิว วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 74%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
2. มะนาว
มะนาวมีส่วนประกอบของกรดผลไม้ AHA และ BHA ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว วิธีใช้มะนาวลดรอยสิว ให้คั้นเอาน้ำมะนาวมาผสมกับน้ำสะอาด และทาบางๆ บริเวณที่มีรอยสิว ทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก โดยทำเป็นประจำ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะช่วยให้รอยสิวจางลง แต่ข้อควรระวังคือไม่ควรทาทิ้งไว้นาน เพราะกรดในมะนาวจะกัดผิวให้เกิดการระคายเคืองได้
3. น้ำผึ้ง
ในน้ำผึ้งมีวิตามินหลายชนิดที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ทั้งยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยนำน้ำผึ้งมาทาบางๆ ที่รอยสิว หรือทาทั่วหน้า ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยให้รอยสิวจางลง และสังเกตได้ชัดว่าผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น
4. ไข่ขาว
ด้วยสรรพคุณช่วยดูดสารพิษและกำจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขน ทำให้ไข่ขาวเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่นิยมเช่นกัน วิธีการคือตอกไข่แล้วแยกเฉพาะไข่ขาว นำมาทาบางๆ ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีค่อยล้างออก ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยลดเลือนรอยสิวและทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น
5. กระเทียม
กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค และอุดมด้วยสารอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบได้ดี วิธีนำมาใช้ทำได้โดยแกะกระเทียมล้างให้สะอาด จากนั้นฝานเนื้อบางๆ และนำมาทาบนรอยสิวหรือหัวสิว ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก การอักเสบของสิวจะลดลง ส่วนรอยจากสิวก็จางลงไปด้วย
6. มะเขือเทศ
มะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี และไลโคปีน ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและกระจ่างใส สำหรับการลดรอยสิว ให้นำมะเขือเทศหนึ่งลูกมาบดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาทีค่อยล้างออก ทำติดต่อกันสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้รอยสิวลดเลือนลงได้
อย่างไรก็ตามการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติก็มีข้อจำกัด คืออาจเห็นผลช้า และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งหากเป็นวัตถุดิบที่มีฤทธิ์เป็นกรดรุนแรง ก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้แสบผิวหน้า หรือเกิดการระคายเคืองได้เหมือนกัน และบางครั้งทางเลือกอื่นก็อาจเห็นผลเร็วกว่า เหมาะกับคนที่อยากหายเร็วๆ มีปัญหารุนแรง หรือมีปัญหาที่ต้องใช้วิธีที่เฉพาะเจาะจง
รักษาหลุมสิว ลดรอยสิว วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 74%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ทางเลือกอื่นสำหรับการลดรอยสิว
ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยสิว
หากต้องการวิธีที่เห็นผลเร็ว การใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยสิวอาจเป็นตัวเลือกที่ดี ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีหลากหลายราคาให้เลือกซื้อ ตั้งแต่หลักสิบ หลักร้อย ถึงหลักพัน และมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอก และผลิตภัณฑ์สำหรับรับประทาน ซึ่งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้
- ผลิตภัณฑ์สำหรับทาและใช้ภายนอก ส่วนมากอยู่ในรูปแบบครีม เซรั่ม เจล หรือมาส์ก มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้น และเรียบเนียน รวมถึงอาจกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้รอยสิวที่ลึกเป็นหลุมดูตื้นขึ้น เนื่องจากมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงฟื้นฟูผิวและลดเลือนรอยดำ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี รวมถึงกรดผลไม้ AHA และ BHA
- ผลิตภัณฑ์สำหรับรับประทาน ส่วนใหญ่มักเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสรรพคุณบำรุงผิว เช่น วิตามินบี วิตามินรวม และวิตามินซี ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และปรับผิวให้กระจ่างใสเรียบเนียน วิตามินเอและอนุพันธ์ ที่ช่วยลดการอักเสบ แก้ปัญหาสิว และลดรอยแผลเป็นจากสิว รวมไปถึงแร่ธาตุอื่นๆ เช่น สังกะสี ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
ใช้เทคโนโลยีลดรอยสิว
การใช้เทคโนโลยีลดรอยสิวเป้นวิธีที่เห็นผลได้ไวที่สุด แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน เหมาะสำหรับคนที่มีรอยสิวเยอะ หรือเกิดรอยลึกเป็นหลุมสิว แล้วรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล โดยเทคโนโลยีลดรอยสิวที่เป็นที่นิยมมาก คือ การทำเลเซอร์ ซึ่งเป็นวิธีลดรอยสิวและหลุมสิวแบบถาวร โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวอย่างรวดเร็ว การทำเลเซอร์มีหลายชนิด เช่น
- IPL (Intense Pulse Light) ได้ผลดีกับคนที่มีรอยสิวไม่เยอะมาก และมีหลุมสิวตื้นๆ
- Yag (Yttrium-aluminum garnet) Laser เห็นผลรวดเร็วกว่าและดีกว่า IPL แต่ผลข้างเคียง คือ หลังทำผิวหนังอาจเกิดแผลหรือตกสะเก็ด ทำให้ผิวหน้าบางลง และไวต่อแสงแดดได้
- Fractional CO2 Laser เป็นการใช้คลื่นแสงอนุภาคเล็กไปกระตุ้นใต้ชั้นผิว เพื่อให้ผิวซ่อมแซมตัวเอง เป็นวิธีที่ได้ผลดีมาก และมีผลข้างเคียงไม่มากนัก
นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมายที่ใช้ได้ผล เช่น การใช้แสงคลื่นแสง LED ที่มีความเข้มในระดับต่างๆ เพื่อรักษาสิว ลดการอักเสบ ลดรอยสิว และรอยแผลเป็นจากสิว การกรอผิวไมโครเดอมาเบรชั่น (Microdermabrasion) เพื่อลอกเอาผิวชั้นนอกสุดออกไป ซึ่งจำเป็นต้องทำซ้ำหลายครั้งจึงจะเห็นผล
การลดรอยสิวอาจต้องใช้หลายๆ วิธีร่วมกัน และต้องไม่ลืมบำรุงผิวให้มีสุขภาพดี ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และป้องกันการเกิดสิวใหม่โดยหลีกเลี่ยงแสงแดดและมลภาวะที่ทำให้หน้าสกปรกด้วย ที่สำคัญ พยายามอย่าแกะเกาเมื่อเกิดสิวขึ้น เพราะจะทำให้เสี่ยงเกิดรอยสิวมากขึ้น