รวมวิธีล้างผักผลไม้ ให้สะอาด ปลอดภัยทุกครั้งที่ทา

เผยแพร่ครั้งแรก 30 พ.ย. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
รวมวิธีล้างผักผลไม้ ให้สะอาด ปลอดภัยทุกครั้งที่ทา

ในยุคปัจจุบันผู้คนหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้ความนิยมในการรับประทานผักผลไม้มีเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ก็ยังคงพบว่ามีสารเคมีตกค้างที่ปนเปื้อนมากับผักผลไม้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็จะทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคจากการได้รับสารพิษที่ปะปนมากับผักผลไม้ได้ ซึ่งก็มีทั้งโรคชนิดเฉียบพลันหรือที่เรียกว่ามีอาการอาหารเป็นพิษ เช่น มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน และโรคชนิดเรื้อรัง เช่น อาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ หรือหากเป็นเด็กก็จะส่งผลให้มีอาการเจริญเติบโตผิดปกติ เพราะฉะนั้น เพื่อความปลอดภัยในการบริโภคผักหรือผลไม้ จึงควรที่จะล้างผักหรือผลไม้ให้สะอาดเสียก่อนที่จะนำไปปรุงอาหารหรือบริโภค ซึ่งก็มิวิธีการในการล้างผักให้สะอาดปลอดภัยอยู่มากมายหลายวิธีด้วยกัน โดยมีวิธีดังนี้

1. น้ำส้มสายชู

ใช้น้ำส้มสายชูที่มีกรดน้ำส้มเข้มข้นประมาณ 5% ผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1:10 เสร็จแล้วนำผักไปแช่ไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ข้อดี

วิธีนี้จะช่วยให้สารพิษลดลงได้ถึงร้อยละ 60-84 ซึ่งก็จะทำให้การทานผักผลไม้มีความปลอดภัยมากขึ้นและเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมพอสมควร

ข้อเสีย

ผักอาจมีกลิ่นและรสของน้ำส้มสายชูติดมา จึงทำให้ผักบางชนิดอย่างผักกาดขาว ผักกาดเขียวอาจมีรสชาติเปลี่ยนไปได้ นอกจากนี้แล้วไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกในการล้างผัก เพราะอาจเกิดการทำปฏิกิริยากันกับน้ำส้มสายชูนั่นเอง

2. ด่างทับทิม

ลักษณะของด่างทับทิมจะเป็นเกล็ดแข็งสีม่วง จัดเป็นสารประกอบประเภทเกลือ ละลายในน้ำได้ โดยจะมีสีออกเป็นสีชมพูหรือม่วงเข้ม เวลาใช้ล้างผักจะใช้ 20-30 เกล็ดละลายลงในน้ำ 4 ลิตร จากนั้นจึงนำผักไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ข้อดี

วิธีนี้จะช่วยขจัดสารพิษปนเปื้อนออกได้มากถึงร้อยละ 35-43 ซึ่งก็เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมมาก

ข้อเสีย

หากใช้ด่างทับทิมในปริมาณมาก อาจเกิดอันตรายต่อระบบทางเดินอาหารได้ และอาจมีปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจได้หากมีการสูดดมไอระเหยของด่างทับทิมมากจนเกินไป และหากสัมผัสกับดวงตาอาจทำให้ตาบอดได้เช่นกัน

3. เปิดน้ำไหลผ่าน

การล้างผักด้วยวิธีอาจจะใช้ภาชนะในการล้างเป็นตะแกรงโป่ง โดยเด็ดผักเป็นใบ ๆ ใส่ตะแกรงเปิดน้ำให้ไหลผ่านด้วยระดับความแรงพอประมาณ โดยในระหว่างที่ล้างควรจะใช้มือช่วยในการล้างไปด้วยเป็นเวลาประมาณ 2 นาที

ข้อดี

วิธีนี้จะช่วยขจัดสารพิษออกจากสารพิษได้ถึงร้อยละ 25-63 และเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยพอสมควร

ข้อเสีย

เป็นวิธีที่ใช้เวลาในการล้างค่อนข้างนานและใช้น้ำในการล้างค่อนข้างมาก จึงอาจไม่ค่อยทันใจสำหรับคนที่ใจร้อนมากนัก

4. เกลือป่น

การล้างด้วยวิธีนี้จะใช้เกลือป่นประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำประมาณ 4  ลิตร แช่ผักหรือผลไม้ไว้นาน 10 นาที จากนั้นจึงใช้น้ำสะอาดล้างออก

ข้อดี

วิธีนี้จะช่วยให้สารพิษลดลงได้ร้อยละ 27-38

ข้อเสีย

อาจทำให้ผักหรือผลไม้มีรสเค็มเนื่องจากมีรสชาติของเกลือติดมาด้วย ใครที่ไม่ค่อยชอบกินเค็มก็อาจต้องเลี่ยงวิธีนี้สักหน่อย

5. โซเดียมไบคาร์บอเนต

การใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ เบกกิ้งโซดาในการล้างผักจะใช้ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำอุ่น 1 กะละมัง(20ลิตร) แช่ไว้ 15 นาทีแล้วใช้น้ำสะอาดล้างออก

ข้อดี

การล้างผักด้วยวิธีนี้จะช่วยให้สารพิษลดลงได้ถึงร้อยละ  90-95

ข้อเสีย  

ผักหรือผลไม้ที่ล้างอาจดูดซึมโซเดียมที่ผสมอยู่ในเบกกิ้งโซดาเข้าไป และถ้าล้างได้ไม่สะอาดพออาจทำให้เกิดอาการท้องเสียจากการได้รับเบกกิ้งโซดาเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปได้

6. ต้มหรือลวก

วิธีลดสารพิษโดยการต้มหรือลวกผักด้วยน้ำร้อนเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยวิธีหนึ่ง แต่วิธีนี้จะเหมาะกับผักเท่านั้น และเมื่อต้มหรือลวกแล้วก็จะต้องทานทันที ไม่สามารถเก็บไว้หลายๆ วันได้

ข้อดี

นอกจากวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยแล้วยังช่วยลดสารพิษได้ร้อยละ 50

ข้อเสีย

วิธีนี้อาจทำให้ผักหรือผลไม้ต้องสูญเสียคุณค่าทางสารอาหาร เช่น วิตามินซี วิตามินบี 1 ไนอะซินไป

วิธีต่างๆ ที่ช่วยในการลดปริมาณสารตกค้างที่ได้นำเสนอไปแล้วนี้ ต่างก็เป็นวิธีที่ช่วยลดสารพิษให้น้อยลงได้ทั้งสิ้น ซึ่งจะเลือกใช้วิธีไหนนั้นก็แล้วแต่ปัจจัยจะเอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นความสะดวก ชนิดของผักผลไม้และปริมาณที่ต้องการจะล้าง เวลาที่มีอยู่ ส่วนการทานผักผลไม้นั้นควรที่จะทานให้ได้หลากหลายชนิด และไม่ควรที่จะซื้อจากร้านใดร้านหนึ่งเพียงร้านเดียว แต่ควรที่จะเปลี่ยนร้านบ้าง เพราะว่าหากร้านที่เราซื้ออยู่ประจำนั้น ผักหรือผลไม้มีสารพิษตกค้างก็จะทำให้เราไม่ได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจนเกิดอันตราย


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
How to Wash Vegetables and Fruit Before Eating. Verywell Fit. (https://www.verywellfit.com/how-to-wash-fruits-and-vegetables-2505943)
7 Tips for Cleaning Fruits, Vegetables. U.S. Food and Drug Administration (FDA). (https://www.fda.gov/consumers/consumer-updates/7-tips-cleaning-fruits-vegetables)
How to wash fruit and vegetables. NHS (National Health Service). (https://www.nhs.uk/live-well/eat-well/how-to-wash-fruit-and-vegetables/)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป