โรคมือเท้าปากคืออะไร
โรคมือเท้าปาก (Hand foot and mouth disease) เป็นโรคติดเชื้อที่ทำให้เกิดแผลในปาก จุดบนมือและบนเท้า ส่วนมากมักจะเกิดกับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ปี แต่ความเป็นจริงโรคนี้ก็สามารถเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่และเด็กโตได้เช่นกัน
โรคมือเท้าปากจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัว และจะหายไปเองภายใน 7-10 วัน ซึ่งคุณสามารถดูแลตนเองหรือลูกของคุณได้ที่บ้านตามปกติ และการติดเชื้อโรคมือเท้าปากนั้นไม่เกี่ยวข้องกับโรคมือเท้าปากเปื่อย (Foot and mouth disease) ที่มักจะเกิดกับวัว แกะ และสุกรด้วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อาการของโรคมือเท้าปาก
อาการของโรคมือเท้าปากมักจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 หลังติดเชื้อ ซึ่งอาการแรกที่ปรากฏมีดังนี้
- มีไข้สูงประมาณ 38-39 องศาเซลเซียส
- รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว
- ไม่อยากอาหาร
- ไอ
- ปวดท้อง
- เจ็บคอ
แผลในปาก
หลังจากผ่านไป 1-2 วัน ผู้ป่วยจะเกิดจุดขึ้นที่ลิ้นและภายในช่องปาก ซึ่งจะกลายเป็นแผลในปากขนาดใหญ่ที่มีสีเหลืองเทากับมีขอบแผลสีแดงอย่างรวดเร็ว แผลในปากจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก และทำให้การดื่ม กิน และกลืนลำบากขึ้น ซึ่งอาการนี้ควรจะหายไปเองภายใน 1 อาทิตย์
ผื่นจุดและตุ่มหนอง
หลังจากที่คุณมีแผลในปาก คุณจะสังเกตเห็นผื่นเกิดขึ้นบริเวณแคบๆ บนผิวหนัง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบนนิ้ว หลังหรือบนฝ่ามือ ฝ่าเท้า และบางครั้งอาจเกิดขึ้นที่บั้นท้ายหรือขาหนีบก็ได้ จุดเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นตุ่มหนองขนาดเล็กที่มีจุดสีเทาตรงกลางได้ และอาจก่อให้เกิดอาการคันหรือความรู้สึกไม่สบายตัว และจะคงอยู่เช่นนี้นานประมาณ 10 วัน
สิ่งที่ควรทำ หากตนเองหรือลูกเป็นโรคมือเท้าปาก
หากคุณหรือลูกของคุณประสบกับโรคมือเท้าปาก สิ่งที่สามารถทำได้เพื่อให้อาการของโรคดีขึ้น ได้แก่
- พักผ่อนที่บ้านไปจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น และควรให้ลูกที่ป่วยลาเรียนไปจนกว่าพวกเขาจะรู้สึกดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาหรือยาที่ใช้รักษาโรคมือเท้าปากโดยเฉพาะ ทำให้คุณต้องดูแลตนเองไปก่อนจนกว่าอาการจะทุเลาลงเอง
- ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อเลี่ยงภาวะขาดน้ำ และคุณสามารถให้น้ำหรือนมแก่เด็กก็ได้
- ทานอาหารอ่อน หากการกลืนหรือทานอาหารปกติทำให้คุณไม่สบายปาก เช่น มันฝรั่งบด โยเกิร์ต หรือซุป และพยายามเลี่ยงอาหารร้อน อาหารที่มีกรดสูง หรืออาหารเผ็ด
- ทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้จากร้านขายยา เช่น พาราเซตตามอล (Paracetamol) หรือ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและเป็นไข้ แต่ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน (Aspirin) กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี และหากคุณกำลังตั้งครรภ์ ควรใช้ยาพาราเซตตามอลจะดีที่สุด
- พยายามกลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ เพื่อบรรเทาอาการไม่สบายตัวจากแผลในช่องปาก และพยายามอย่ากลืนน้ำที่นำมากลั้วคอ วิธีการนี้ควรทำในผู้ใหญ่เท่านั้น ไม่แนะนำให้ทำกับผู้ป่วยที่เป็นเด็ก
- ใช้เจลทาปาก ยาบ้วนปาก หรือสเปรย์สำหรับรักษาแผลในปากที่วางขายตามร้านขายยาก็ได้ แต่ไม่ควรใช้ต่อเนื่อง และบางประเภทอาจไม่เหมาะกับเด็กเล็ก ดังนั้นคุณควรสอบถามเภสัชกรและอ่านคำแนะนำที่ฉลากผลิตภัณฑ์ก่อน
ควรไปพบแพทย์เมื่อไร
คุณไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโรคมือเท้าปาก การติดเชื้อประเภทนี้จะหายไปเองภายใน 7-10 วัน และแม้ว่าจะไปพบแพทย์ ก็ยังไม่มีวิธีรักษาโรคมือเท้าปากโดยเฉพาะอยู่ดี และยาปฏิชีวนะจะไม่ช่วยรักษาโรคมือเท้าปากได้ เนื่องจากโรคนี้เกิดมาจากเชื้อไวรัส
คุณควรไปพบแพทย์ หรือพาผู้ป่วยเด็กไปพบแพทย์ก็ต่อเมื่อมีอาการต่อไปนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ไม่สามารถหรือไม่อยากดื่มน้ำ
- มีสัญญาณของภาวะขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะออกเล็กน้อยหรือไม่มีเลย หรือมือและเท้าเย็น
- มีอาการชัก สับสน อ่อนแรง และหมดสติ
- ลูกของคุณมีอายุต่ำกว่า 3 เดือนและมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือลูกมีอายุระหว่าง 3-6 เดือนและมีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียสขึ้นไป
- เจ็บปวดผิวหนังรุนแรงมาก มีอาการผิวแดง ร้อน และบวม หรือมีหนองไหลออกมา
- อาการต่างๆ ทรุดลง หรือไม่ดีขึ้นภายใน 7-10 วัน
หากคุณตั้งครรภ์ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์หลังติดเชื้อ ให้ไปขอรับคำแนะนำจากแพทย์ การติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แต่ก็มีโอกาสเล็กน้อยที่ทำให้ลูกของคุณป่วยได้หากคุณติดเชื้อก่อนคลอดไม่นาน
โรคมือเท้าปากแพร่กระจายได้อย่างไร
ผู้ป่วยโรคมือเท้าปากจะแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมากตั้งแต่ก่อนเริ่มมีอาการไปจนถึงหลังจากผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น การติดเชื้อมักเกิดขึ้นจากการเข้าใกล้ผู้ป่วย หรือสัมผัสกับสิ่งของปนเปื้อนเชื้อ
เชื้อไวรัสมือเท้าปากสามารถถูกพบได้ที่
- ละอองจามและไอจากผู้ติดเชื้อ: คุณจะติดเชื้อตามได้ หากคุณมีละอองปนเปื้อนอยู่ที่มือของตนเอง หรือไปสัมผัสกับปากหรือหายใจนำละอองเหล่านั้นเข้าไป
- อุจจาระของผู้ติดเชื้อ: หากผู้ติดเชื้อไม่ล้างมือหลังทำธุระให้สะอาด และไปสัมผัสกับอาหารหรือสิ่งของต่างๆ
- น้ำลายของผู้ติดเชื้อ หรือของเหลวที่ออกจากตุ่มหนอง: คุณสามารถติดเชื้อตามได้หากของเหลวเหล่านี้เข้าสู่ปากของคุณ
การติดเชื้อโรคมือเท้าปากสามารถเกิดจากเชื้อไวรัสได้หลายชนิด ทำให้คุณสามารถป่วยเป็นโรคมือเท้าปากได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่ผู้คนส่วนมากจะมีภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่อมีอายุมากขึ้น
วิธีป้องกันการแพร่กระจายโรคมือเท้าปาก
การหลีกเลี่ยงโรคมือเท้าปากเป็นเรื่องที่อาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเป็นโรคที่มีการแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสและหายใจ ซึ่งยากที่จะควบคุมได้เนื่องจากในทุกวันเราต้องต้องพบเจอผู้คนและอยู่ในสถานที่ที่อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโดยไม่รู้ตัว แต่ก็มีคำแนะนำสำหรับวิธีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ดังนี้
- หากคุณรู้ว่าตนเองเป็นโรคมือเท้าปาก ให้หยุดงาน หรือลาเรียนไปจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปถึงคนอื่น
- ใช้กระดาษชำระปิดปากกับจมูกเมื่อต้องไอหรือจาม และนำกระดาษชำระที่ใช้ทิ้งลงถังขยะทันที
- ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องน้ำ หลังไอ จาม หรือหยิบจับผ้าอ้อม และก่อนเตรียมอาหาร
- หลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำ ช้อนส้อม ผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้าร่วมกับผู้ติดเชื้อ หรือทางที่ดี ไม่ควรใช้สิ่งของดังกล่าวร่วมกับผู้อื่นเลยถึงแม้จะไม่มีการติดเชื้อ เพื่อความสะอาดและป้องกันการติดเชื้ออื่นๆ เพิ่มเติม
- ฆ่าเชื้อบนสิ่งของหรือพื้นผิวทั้งหมดที่อาจปนเปื้อนเชื้อ
- ซักผ้าปูเตียง หรือเครื่องนุ่งห่มที่อาจปนเปื้อนเชื้อแยกจากเสื้อผ้าส่วนอื่นด้วยความร้อน
การรักษาความสะอาด และดูแลสุขอนามัยของตนเองให้สะอาดอยู่เสมอคือ หัวใจหลักที่จะสามารถป้องกันโรคมือเท้าปากได้ และนอกจากตัวคุณเองแล้ว คุณควรสอนให้ลูกรู้จักที่จะดูแลความสะอาดให้กับตนเองด้วย โดยฝึกฝนให้ติดเป็นนิสัย ก็จะช่วยป้องกันเด็กให้ห่างไกลจากโรคมือเท้าปากได้อีกส่วนหนึ่ง เช่น การล้างมือบ่อยๆ การใช้กระดาษชำระเมื่อจามหรือไอ พยายามไม่ใช้สิ่งของที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น