การสังเกตอาการที่อาจเป็นอาการของการติดเชื้อ HIV นั้นสำคัญมากในแง่ของการแพร่เชื้อ เพราะจะช่วยให้ผู้ติดเชื้อนั้นสามารถมารับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว และทำให้เข้าสู่ระยะที่เป็นเอดส์ได้ช้าลง
อาการในระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อ HIV
อาการที่เป็นมักมีลักษณะคล้ายเวลาที่เป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ปวดหัว
- มีไข้
- อ่อนเพลีย
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- เจ็บคอ
- มีผื่น
- ปวดที่กล้ามเนื้อและข้อ
- มีแผลในปาก
- มีแผลที่อวัยวะเพศ
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
- ท้องเสีย
อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 เดือนหลังจากที่ได้รับเชื้อ และอาจจะพบได้เร็วตั้งแต่ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังได้รับเชื้อก็ได้ บางคนอาจจะไม่มีอาการเหล่านี้หลังได้รับเชื้อก็ได้เช่นกัน อย่าลืมว่าอาการเหล่านี้เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปจากการเป็นโรคอื่นๆ ดังนั้นหากคุณสงสัยว่าจะติดเชื้อควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอตรวจ
หลังจากนั้นผู้ป่วยอาจจะไม่มีอาการอะไรเลยได้นานถึง 10 ปี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเชื้อนั้นหายไป เพราะการดำเนินโรคนั้นสามารถทำให้เข้าสู่ระยะที่เป็นเอดส์ได้แม้ว่าจะไม่มีอาการก็ตาม ดังนั้นการตรวจโรคจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
อาการที่แสดงว่าเชื้อไวรัสนั้นอาจจะทำให้เกิดภาวะเอดส์
เชื้อไวรัส HIV คือ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคเอดส์ในภายหลังได้ โดยจะมีอาการต่อไปนี้
- มีไข้สูง
- หนาวสั่นและเหงื่อออกในตอนกลางคืน
- มีผื่นขึ้น
- มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจและไอเรื้อรัง
- น้ำหนักลดอย่างรุนแรง
- มีปื้นขาวในปาก
- มีแผลที่อวัยวะเพศ
- อ่อนเพลียเป็นประจำ
- เป็นโรคปอดอักเสบ
- มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ
ระยะการดำเนินโรคของการติดเชื้อ HIV
อาการของการติดเชื้อนั้นจะขึ้นกับระยะของการดำเนินโรค ในระยะแรกมักจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดและยากที่จะแยกจากการติดเชื้อในทางเดินอาหารหรือทางเดินหายใจอื่นๆ
ระยะต่อมาเป็นระยะที่ไม่มีอาการ เชื้อไวรัสนั้นจะตื่นตัวลดลงแต่ยังคงอยู่ภายในร่างกาย ผู้ป่วยอาจจะไม่มีอาการเลยในขณะที่เชื้อไวรัสนั้นมีการพัฒนาขึ้น ระยะนี้สามารถเป็นได้นาน 10 ปีหรือนานกว่านั้น และมีหลายคนที่ไม่มีอาการอะไรเลยตลอดช่วงเวลาดังกล่าว
ระยะสุดท้ายคือระยะที่ 3 หรือระยะเอดส์ ซึ่งเป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายนั้นถูกทำลายอย่างรุนแรงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาส เมื่อเข้าสู่ระยะนี้ จะเริ่มมีอาการต่างๆ เช่นคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย และมีไข้ได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การติดต่อระหว่างกันของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV
การมีเชื้อ HIV ในร่างกายนั้นสามารถติดต่อสู่คนอื่นได้ผ่านทางเลือดและเพศสัมพันธ์
และเนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่มีอาการของการติดเชื้อ HIV ในระยะแรก การมาตรวจเลือดหาเชื้อนั้นจึงเป็นวิธีเดียวที่จะทราบว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ การได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรกๆ นั้นจะทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาและลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่คู่นอน
ทำความรู้จัก "เชื้อฉวยโอกาส"
เชื้อฉวยโอกาส คือ เชื้อโรคที่สามารถลุกลามทำให้เกิดเป็นอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้ โดยจะไม่เกิดในคนปกติทั่วไป แต่จะเกิดในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส HIV
เพราะผู้ป่วยเชื้อไวรัส HIV ทุกคนจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่บกพร่องลงกว่าเดิม จึงทำให้เชื้อโรคเหล่านี้โจมตีร่างกาย และเกิดเป็นโรคต่างๆ ตามมา เช่น โรคปอดอักเสบ โรคงูสวัด วัณโรค โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคเริม
การตรวจหาเชื้อ HIV
การตรวจหาเชื้อไวรัส HIV ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะทำให้ผู้ป่วยรู้ว่า ตนเองมีเชื้อ และจะได้ระมัดระวังไม่ไปแพร่เชื้อให้กับคู่นอนของตนเองต่อไป
เพราะมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส HIV จำนวนมากที่ไม่ยอมไปตรวจหาโรค และแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นผ่านสารคัดหลั่งของร่างกาย หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน จึงทำให้เชื้อไวรัส HIV แพร่หลายออกไปเป็นวงกว้างมากกว่าเดิม
ดังนั้นกลุ่มผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อไวรัส HIV จึงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอรับการตรวจตั้งแต่เนิ่นๆ และจะได้หาทางรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ดูแพ็กเกจตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android