ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง หรือดิสโทเนีย (Dystonia) จะมีการบีบรัดตัวของกล้ามเนื้อที่ควบคุมไม่ได้ ส่งผลให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายช้าและซ้ำๆ เกิดขึ้น โดยการเคลื่อนไหวนั้นอาจเป็นได้ทั้งแบบร่างกายส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนมีการเคลื่อนไหวแบบกระตุก รวมถึงการแสดงท่าทางที่ผิดปกติ
ส่วนมากแล้ว อาการมักจะเกิดกับศีรษะ คอ ลำตัว และแขนขา แม้ภาวะนี้จะมีอาการไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ภาวะดิสโทเนียมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่
- กล้ามเนื้อบิดเกร็งชนิดเฉพาะที่ (Focal) เป็นประเภทที่พบได้มากที่สุด เกิดกับส่วนใดส่วนหนึ่งเพียงส่วนเดียวของร่างกาย
- กล้ามเนื้อบิดเกร็งชนิดทั่วทั้งร่างกาย (Generalized) เป็นประเภทที่จะทำให้เกิดความผิดปกติตลอดทั้งร่างกาย
- กล้ามเนื้อบิดเกร็งชนิดเฉพาะส่วน (Segmental) เป็นชนิดที่ทำให้เกิดความผิดปกติกับส่วนของร่างกายสองส่วนขึ้นไป ซึ่งจะเป็นบริเวณร่างกายที่อยู่ใกล้เคียงกัน
อาการของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง สามารถเกิดขึ้นกับร่างกายได้หลายวิธี และมีระดับความรุนแรงต่างกัน โดยจะเริ่มขึ้นในตำแหน่งเดียวก่อน เช่น แขน ขา หรือลำคอ บางครั้งอาจพบว่าเกิดขึ้นระหว่างทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น ระหว่างการเขียนหนังสือ จะเริ่มมีความรุนแรงขึ้นเมื่อเหนื่อย เครียด หรือรู้สึกกังวล โดยความรุนแรงนี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งแบบรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง เช่น
- ความผิดรูปของร่างกายที่อาจกลายเป็นปัญหาถาวรได้
- ความพิการทางร่างกายหลากหลายระดับ
- ความผิดปกติของตำแหน่งศีรษะ
- ปัญหาการกลืน
- มีปัญหาการพูด
- ปัญหาการเคลื่อนไหวของกราม
- ความเจ็บปวด
สาเหตุการเกิดภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
สาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งยังไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนัก แต่แพทย์เชื่อว่าอาจมีภาวะทางการแพทย์บางอย่าง รวมถึงพันธุกรรม หรือความเสียหายที่สมอง อาจเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ขึ้น
มีภาวะทางการแพทย์หลายชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของสมองและเส้นประสาท ซึ่งแพทย์คาดว่าอาจมีความเกี่ยวพันกับภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง เช่น
- ไข้สมองอักเสบ (Encephalitis)
- สมองพิการ (Cerebral Palsy)
- โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease)
- โรคฮันติงตัน (Huntington’s Disease)
- โรควิลสัน (Wilson’s Disease)
- วัณโรค (Tuberculosis)
- การบาดเจ็บที่สมอง
- ภาวะหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- เนื้องอกที่สมอง (Brain Tumor)
- การบาดเจ็บที่สมองระหว่างคลอด
- ได้รับพิษคาร์บอนมอนออกไซด์ (Carbon Monoxide Poisoning)
- ได้รับพิษจากโลหะหนัก (Heavy Metal Poisoning)
นอกจากนี้ แพทย์ยังคาดว่ามีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ เช่น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาต่อยาจิตเวชบางตัว
- ภาวะเนื้อเยื่อและอวัยวะขาดออกซิเจน
- การสืบทอดทางพันธุกรรม หรือการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม
- การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทในสมองถูกรบกวน
การวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง มักเป็นอาการเรื้อรังที่คงอยู่เป็นเวลานาน แพทย์จึงสามารถวินิจฉัยอาการได้ด้วยการตรวจประวัติสุขภาพ และตรวจร่างกายอย่างละเอียด รวมถึงสอบถามเกี่ยวกับความเครียดต่างๆ ที่เพิ่งผ่านมา จากนั้นจะตรวจสอบไปการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทเพื่อยืนยันผลการวินิจฉัย
ในกรณีที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ แพทย์อาจพิจารณาให้มีการตรวจเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
- การตรวจเลือดหรือปัสสาวะ
- การสแกนคอมพิวเตอร์ (Computed Tomography (CT) Scan)
- การคลื่นสะท้อนแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI)
- การวัดคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyogram: EMG)
- การบันทึกคลื่นไฟฟ้าในสมอง (Electroencephalogram: EEG)
- การเจาะกรวดน้ำไขสันหลัง (Spinal Tap)
- การทดสอบพันธุกรรม
การรักษาภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง แต่ก็มียาบางตัวที่สามารถควบคุมอาการนี้ได้ เช่น
- การฉีดสารพิษโบทูลินัมชนิด A การฉีดโบท็อกซ์ (Botox Injections) เข้ากลุ่มของกล้ามเนื้อที่มีอาการ จะสามารถบรรเทาอาการกล้ามเนื้อบีบรัดได้ แต่ต้องฉีดสารนี้ทุกๆ 3 เดือน และอาจมีผลข้างเคียงบางอย่างจากสารพิษชนิดนี้อยู่บ้าง เช่น เหนื่อยง่าย ปากแห้ง และทำให้เสียงเปลี่ยน
- ยารับประทาน ยาที่ส่งผลต่อสารสื่อประสาทที่เรียกว่า Dopamine มีฤทธิ์ควบคุมตำแหน่งของสมองที่ควบคุมความพึงพอใจและการเคลื่อนไหว ซึ่งจะช่วยลดอาการกล้ามเนื้อบีบรัดตัวได้
- การรักษาทางเลือก แม้งานวิจัยที่เกี่ยวกับการรักษาทางเลือกสำหรับภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งจะมีน้อยมากๆ แต่ผู้ป่วยบางรายก็รู้สึกว่าการบำบัดเหล่านั้นสามารถบรรเทาอาการได้จริง เช่น
- การฝังเข็ม วิธีบำบัดโบราณที่ใช้เข็มขนาดเล็กแทงเข้าไปตามจุดต่างๆ ของร่างกายเพื่อบรรเทาอาการปวด
- โยคะ การบริหารที่ผสมผสานระหว่างการเคลื่อนไหวยืดตัวช้าๆ กับการหายใจเข้าลึกๆ และการทำสมาธิ
- ไบโอฟีตแบ็ค จะมีการติดเซนเซอร์ไฟฟ้าเพื่อดูการทำงานของร่างกายเพื่อช่วยควบคุมแรงตึงของกล้ามเนื้อกับความดันโลหิตที่เหมาะสม
ทำไม่ ต้องอ้วนลงพุ่งค่ะ