รวมวิธีรักษาสิวที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

สิว คือปัญหาใหญ่บนใบหน้าสำหรับใครหลายๆ คน โดยมีปัจจัยกระตุ้นทั้งภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน การรับประทานอาหาร หรือแม้กระทั่งการใช้เครื่องสำอาง เป็นต้น

การรักษาสิวที่ดีนั้นจำต้องหาสาเหตุของการเกิดสิว เพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวเพิ่ม เพราะสิวเกิดจากการที่ต่อมไขมันในรูขุมขนอุดตัน ซึ่งบางครั้งกิจวัตรประจำวันของเราอาจเป็นการกระตุ้นทำให้เกิดการอุดตันดังกล่าวได้อย่างไม่รู้ตัว ปัจจุบันการรักษาสิวมีทั้งยาทาเฉพาะที่และยารับประทาน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ

รักษาสิว ลดรอยสิววันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 93%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

กด

สิวแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามลักษณะที่พบ ได้แก่

1. สิวอุดตัน เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน ซึ่งจะมีหัวสองแบบ คือสีดำและสีขาว พบได้บริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก เช่น บริเวณใบหน้า และลำคอ ในทางการแพทย์ จะแบ่งออกเป็นสองลักษณะ ดังนี้
   • สิวอุดตัน สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ สิวผด สิวเสี้ยน สิวหัวดำ
   • สิวหัวปิด หรือสิวหัวขาว คือ สิวที่ไม่มีหัว

   วิธีการรักษาโดยพื้นฐาน คือ การใช้ยาทาเฉพาะที่ เช่น ยาปฏิชีวนะ ซึ่งจะออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว แต่เนื่องจากถ้าใช้แต่เพียงตัวเดียว อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ จึงควรใช้ร่วมกับยาทาในกลุ่มอื่นๆ เช่น ยากลุ่ม benzoyl peroxide โดยทาทิ้งไว้ 5-10 นาที จะช่วยลดสิวอุดตันและลดการอักเสบของสิวได้ และยาในกลุ่มวิตามินเอซึ่งจะช่วยลดการเกิดสิวอุดตันและช่วยทำให้สิวอุดตันที่เกิดขึ้นแล้วหลุดลอกออกไปได้โดยง่าย
   

   ผลข้างเคียงของยาทาเฉพาะที่ ได้แก่ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง อาจทำให้เกิดรอยแดง แห้งหรือลอกได้ โดยเฉพาะยาในกลุ่มวิตามินเอ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงหลังจากการทา ดังนั้นจึงควรทาบางๆ และเริ่มใช้ในปริมาณน้อยๆ ก่อน ถ้ามีอาการระคายเคืองให้หยุดยาดังกล่าว แต่ถ้าไม่มีอาการแสบหรือแดงก็สามารถทายาปริมาณมากขึ้น หรือทายาแล้วทิ้งเอาไว้นานขึ้นก่อนจะล้างออกได้

2. สิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดจากการที่สิวอุดตันอยู่ในสภาพไร้ออกซิเจน ทำให้แบคทีเรียโพรพิโอนิแบคทีเรียม แอคเน่ (Propionibacterium acnes) เจริญเติบโตจนกลายเป็นสิวอักเสบ
   ลักษณะของสิวอักเสบได้แก่
   • สิวที่เป็นตุ่มแดง
   • สิวที่มีหนอง
   • สิวอักเสบขนาดใหญ่
   • สิวที่มีการทำลายของผิวข้างในจนเป็นโพรงคล้ายซีสต์

   สิวอักเสบนั้นเป็นอาการค่อนข้างรุนแรงหรือติดเชื้อ ทำให้การทายาอาจไม่เพียงพอต่อการรักษา จึงจำเป็นต้องมีการรับประทานยาร่วมด้วย ซึ่งมีทั้งยาปฏิชีวนะและยาในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ ซึ่งยาอนุพันธ์ของวิตามินเอแม้ได้ผลค่อนข้างดี แต่อาจส่งผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง ตาแห้ง ผิวแห้ง หรือแม้กระทั่งอาจทำให้ระดับไขมันในร่างกายหรือการทำงานของตับผิดปกติ ดังนั้นการใช้ยาชนิดนี้จำเป็นต้องปรึกษากับแพทย์อย่างใกล้ชิด และขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และความรุนแรงของอาการอักเสบด้วย นอกจากนี้ยังห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์เนื่องจากจะทำให้ทารกในครรภ์พิการ จึงควรใช้ยานี้อย่างระมัดระวังและอยู่ในการดูแลของแพทย์
   

   นอกจากยาข้างต้นแล้ว การใช้ฮอร์โมนในรูปของยาคุมกำเนิดบางชนิด อาจทำให้สิวอักเสบในผู้ป่วยบางรายดีขึ้นได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีสิวสัมพันธ์กับการมีประจำเดือน

ข้อควรระวังในการรักษาสิว

โปรดจำไว้เสมอว่า สิวทุกประเภทไม่ควรกดหรือบีบหัวสิวอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น มีโอกาสเกิดเป็นรอยดำ หรือรอยหลุมจากสิวได้ ซึ่งเป็นปัญหาผิวไม่สว่างสดใส ไม่เรียบเนียนในภายหลัง ถ้าหากสิวอุดตันที่จำเป็นต้องทำการกดหัวออก จะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อแบคทีเรีย และเกิดเป็นแผลเป็นภายหลังได้

หากเป็นสิวแล้วควรรีบทำการรักษา หากปล่อยไว้อาจเกิดการลุกลาม และควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดสิว ไม่ว่าจะเป็นการนอน การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อสุขภาพที่ดี และสุขภาพผิวที่ดีในภายภาคหน้า

แพ็กเกจรักษาสิว

แพ็กเกจรักษาหลุมสิว รอยแผลเป็นบนใบหน้า