1. Ovalocyte
วัตถุประสงค์
เพื่อจะทราบว่าเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างผิดปกติเป็น รูปทรงวงกลมรี บ้างหรือไม่
Oval = วงรี
Cyte = เซลล์
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
คำอธิบายอย่างสรุป
- เม็ดเลือดแดงที่เป็นปกติจะต้องมีลักษณะกลมเหมือนจานกลมแบนๆ ส่วนตรงกลางเว้าทั้งสองหน้า (biconcave disk) แต่สำหรับเม็ดเลือดแดงของบางท่านที่มีรูปร่างผิดปกติซึ่งอาจมีลักษณะไม่กลมแต่กลายเป็นรูปทรงรี (ผิดไปจากทรงกลม) และอาจผิดมากไปจนกลายเป็นคล้าน ลูกรักบี้หรือลูกหนำเลี้ยบ เซลล์เม็ดเลือดแดงชนิดนี้จึงถูกอาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "elliptocyte" (ellipt = โค้งวงรี, cyte = เซลล์)
- Ovalocyte มากเกิดจากเหตุกรรมพันธุ์และอาจนำไปสู่โอกาสที่จะเกิดโรคโลหิตจาง
2. Tear drop cell
วัตถุประสงค์
เพื่อจะทราบว่าเม็ดเลือดแดงที่มีรูปร่างเหมือน หยดน้ำตา ออกมาปะปนกับเม็ดเลือดแดงปกติบ้างหรือไม่
คำอธิบายอย่างสรุป
- บางตำราหรือบางคลินิกก็เรียกว่า "Dacryocyte"
Dacry = [กรีก] น้ำตา
Cyte = เซลล์ - Tear drop cell มักจะออกมาปะปนกับ Ovalocyte กล่าวคือเป็นกลุ่มเม็ดเลือดแดงที่มีรูปร่างค่อนข้างไปทางยาวออกทางนี้ยากที่จะกลับคืนมาเป็นเม็ดเลือดแดงที่มีรูปร่างกลมแบนตามปกติได้อีก
การตรวจพบ Tear drop cell ทำให้สันนิษฐานได้ว่าอาจกำลังเกิดโรคหรือเหตุสำคัญบางประการเช่น
- อาจเกิดสภาวะพังผืดเกาะไขกระดูก (bone marrow fibrosis)
- อาจเกิดโรคโลหิตจางเพราะเม็ดเลือดโต (megaloblastic anemia)
- อาจขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 หรือกรดฟอลิก
- อาจเกิดโรคโลหิตจางชนิดธาราสซีเมีย (thalassemia)
3. Burr cell
วัตถุประสงค์
เพื่อจะทราบว่าจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มี ผิวขรุขระเป็นหนามแหลม ว่ามีมากน้อยเพียงใด?
คำอธิบายอย่างสรุป
1. มีศัพท์อย่างอื่นที่เรียกแทนกันได้ เช่น "echinocyte" หรือ "crenated cell" ทุกคำมีความหมายว่ามีหนามแหลมตามผิวด้วยรอบเซลล์เม็ดเลือดแดง
2. หากตรวจพบว่าในจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงมี Burr cell เป็น จำนวนมากกว่าสันนิษฐานว่าอาจกำลังเกิดสภาวะอย่างใดอย่างหนึ่งเช่น
ก. เลือดอาจเป็นพิษเพราะเกิดโรคไตบกพร่อง (uremia)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ข. ร่างกายอาจถูกไฟลวกอย่างรุนแรง
ค. อาจมีโรคตับร้ายแรง
4. Schistocyte
วัตถุประสงค์
เพื่อจะทราบว่าเม็ดเลือดที่ แตกหัก หรือ ฉีกขาด มีจำนวนมากน้อยเพียงใด?
Schisto (กรีก) = divided (แบ่ง)
= split (แยก)
Cyte = เซลล์
คำอธิบายอย่างสรุป
- ในกรณีหลอดเลือดแดงมีขนาดเล็กเพราะความชำรุดจนผนังมีความขรุขระอันเป็นเหตุให้อาจทำลายต่อเม็ดเลือดแดงให้ต้องถูกตัด หรือถูกเฉือน ให้แยกจากกันเกิดเป็นเศษของเม็ดเลือดแดงอย่างนี้ท่านผู้รู้บางท่านก็เรียกว่า "bite cell" (เซลล์ที่ถูกกัด)
- ศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย (fragments) ของเม็ดเลือดแดงนอกจากจะไม่มีประโยชน์เพราะขาดคุณสมบัติในการขนส่งออกซิเจนแล้วก็ยังอาจไปจับตัวกันเองทำให้มีสภาวะลิ่มเลือดกระจายทั่วไปภายในหลอดเลือดที่เรียกว่าสภาวะ DIC (disseminated intravascular coagulation) จนทำให้หลอดเลือดอาจเกิดการอุดตันขึ้นได้
5. Spherocyte
วัตถุประสงค์
เพื่อจะทราบว่าในกระแสเลือดมีเม็ดเลือดแดงที่มีรูปพรรณสัณฐานเป็น ทรงกลม อยู่บ้างหรือไม่?
- Sphere = ทรงกลม
- Cyte = เซลล์
คำอธิบายยังสรุป
- ลักษณะรูปร่างของเม็ดเลือดแดงที่ปกตินั้น จะมีลักษณะเป็นจานกลมแบน ตรงกลางจานจะเว้าเข้าข้างในทั้งสองด้าน (biconcave disk) ทั้งนี้เพื่อให้มีอัตราส่วนของพื้นที่ผิวต่อปริมาตรของเม็ดเลือดแดงมีค่าสูงสุด แต่ในกรณีของผู้ที่มีเม็ดเลือดแดงซึ่งมีรูปร่างเป็นทรงกลม (sphereocyte) เหมือนลูกปิงปองจึงย่อมทำให้อัตราส่วนของพื้นที่ผิวต่อปริมาตรของเม็ดเลือดแดงตารางเมตรมีค่าน้อยกว่าค่าของเม็ดเลือดแดงที่มีรูปร่างปกติโดยเหตุนี้จึงย่อมลำเลียงออกซิเจนได้น้อยกว่านั้นคือการแสดงสภาวะโรคโลหิตจาง
- ในกรณีของผู้ที่มีเม็ดเลือดแดงเป็นรูปทรงกลมนั้น มันจะมีสภาวะที่เลวร้ายมากยิ่งขึ้นตรงที่เม็ดเลือดแดงทรงกลมนั้นก็ยังอาจมีหลายขนาด จึงยิ่งทำให้เซลล์ทั่วไปของอวัยวะอื่นในตัวเจ้าของร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอมากยิ่งขึ้นจึงอาจเกิดอาการตัวซีด ตาเหลือง
สาเหตุ
สาเหตุสำคัญเท่าที่ทราบกันในปัจจุบันว่า เม็ดเลือดแดง ที่มีรูปร่างผิดปกติกลายเป็นทรงกลมไปได้นั้นก็เพราะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- อาจสืบเนื่องมาจากกรรมพันธุ์
- อาจเกิดในคนที่เคยดื่มเหล้าอย่างหนักติดต่อกันมานานจนติดถึงระดับที่นับได้ว่าเป็นสภาวะติดแอลกอฮอล์คล้ายยาเสพติด (alcohol abuse) ติดต่อมาจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามหากหยุดการดื่มเหล้าได้โดยเด็ดขาดอย่างกะทันหันแล้วก็ยอมอาจจะเกิดอาการอย่างหนึ่งที่ทางการแพทย์ท่านจะเรียกว่า "Zieve's syndrome" คงจะตรงกับคำในภาษาไทยในทำนองคล้ายๆกับคำว่า "ลงแดง" ก็เห็นจะได้
สภาวะ "ซีพส์ ซินโดรม" อาจจะก่อให้เกิดสถานการณ์ที่เป็นอันตรายดังนี้
- อาจทำให้ไขมันในหลอดเลือดเพิ่มค่าสูงขึ้นมากทุกตัว (hyperlipoproteinaemia) ทั้งนี้ย่อมเป็นอันตรายต่อหัวใจและสมองอย่างร้ายแรงได้
- อาจเกิดสภาวะดีซ่าน (jaundice) จากเหตุเพราะตับชำรุดบกพร่อง
- อาจเกิดการปวดช่องท้อง (abdominal pain)
- โดยประการสำคัญที่สุดก็คืออาจเกิดสภาวะเม็ดเลือดแดงถูกแปลรูปร่างไปเป็นทรงกลมนั่นคือ "spherocyte" อันเป็นโรคโลหิตจางที่มีชื่อเรียกในทางการแพทย์ว่า "hemolytic anemia" (โรคโลหิตจาง ชนิดเม็ดเลือดแดงแตกโดยง่าย)
หลีกเลี่ยงการเกิดสภาวะซีพส์ ซินโดรม
- ไม่ดื่มเหล้าเลย หรือ ไม่ดื่มประจำหรือ
- หากดื่มจนติด ก็ไม่ควรหยุดอย่างกะทันหันแต่ควรค่อยๆ ลดปริมาณลงเพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้ทัน
วัตถุประสงค์
เพื่อทราบจำนวน เกล็ดเลือด (บางตำราก็เรียก แผ่นเลือด) ว่ามีจำนวนกี่เซลล์ต่อ 1 ลิตร (L) ของน้ำเลือด เนื่องจากมากไปก็อาจเกิดโทษ แต่น้อยไปก็อันตราย
คำอธิบายอย่างสรุป
1. เกล็ดเลือด (platelet) เป็นเซลล์เลือดที่มีศัพท์แพทย์เรียกเป็นทางการอีกชื่อหนึ่งว่า “thrombocyte” มีต้นกำเนิดมาจากไขกระดูกเช่นเดียวกับเซลล์เม็ดเลือดชนิดอื่น ขณะเมื่อยังเป็นวัยรุ่นจะถูดกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “megakaryocyte” ซึ่งควรอยู่แต่ในไขกระดูก ไม่ควรพบในกระแสเลือด
Thrombos (กรีก) = clump, clot
= อุดกั้น
Cyte = เซลล์
2. เกล็ดเลือดเมื่อโตเต็มที่และออกมาสู่หลอดเลือดแล้วจะมีรูปร่างเป็นแผ่นกลมหรือรีมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-4 ไมครอน (แต่ขนาดเม็ดเลือดแดงประมาณ 6.7 ไมครอน) นับว่ามีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของเม็ดเลือดแดงเท่านั้น
3. เกล็ดเลือดจะไหลวนเวียนอยู่ในกระแสเลือดโดยมีอายุขัยประมาณ 6-11 วัน ภายหลังจากนั้นเกล็ดเลือดรุ่นเก่าก็จะถูกทำลายส่วนใหญ่โดยม้ามและส่วนน้อยโดยตับ
4. หน้าที่โดยทั่วไปของเกร็ดเลือดได้แก่
ก. เมื่อเกิดบาดแผลจะช่วยให้เลือดที่ไหลออกมาเกิดการแข็งตัวอันเป็นการห้ามเลือดไม่ให้ไหลพ้นออกนอกร่างกายมากเกินไป
ข. มีหน้าที่กลืนกินสิ่งแปลกปลอม เช่น ไวรัสบางชนิด
ค. มีหน้าที่เก็บสะสมสารชีวเคมีบางอย่างเช่นฮอร์โมน epinephrine, serotonin และเอนไซม์บางตัว
ค่าปกติ Platelet Count
1. ให้ยึดถือตามข้าที่ระบุไว้ในใบรายงานแสดงผลเลือด (ถ้ามี)
2. ค่าปกติทั่วไป
หน่วย SI : 150 - 400 x 109 /L |
หน่วยทั่วไป : 150,000 - 400,000 cells/mm.3 |
ค่า ผิดปกติที่ถือว่าวิกฤติ
<50,000/mm.3 หรือ >1 ล้าน/mm.3
ค่าปกติ
1. ในทางน้อย ย่อมทำให้เมื่อเกิดบาดแผลเลือดอาจจะหยุดช้ากว่าปกติในการนี้ย่อมอาจแสดงผลว่า
- ได้เกิดสภาวะที่มีศัพท์แพทย์เรียกว่า "thrombocytopenia" หมายถึงสภาวะการมีเกล็ดเลือดน้อยกว่าปกติข้อสันนิษฐานชั้นต้นอาจเกิดจากโรคของไขกระดูก
Throm (กรีก) = clump (จับตัวเป็นก้อน)
Cyte = เซลล์
Penia = น้อย - อาจเกิดสภาวะม้ามโตกว่าปกติจึงดักจับเก็บทำลายเกล็ดเลือดมากผิดปกติ
- อาจเกิดการเสียเลือด ณ จุดหนึ่งจุดใดของร่างกาย
- อาจมีการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีเคโมหรือวิธีเคมีบำบัด (cancer chemotherapy) ย่อมมีผลเสียหายทำลายต่อไขกระดูกซึ่งมีบทบาทในการผลิตเกล็ดเลือด
2. ในทางมากอาจแสดงผลว่า
- อาจเกิดโรคมะเร็งเกี่ยวกับไขกระดูกเช่น leukemia, lymphoma
- อาจเกิดโรคภาวะเม็ดเลือดแดงมากทำให้เกล็ดเลือดต้องพลอยมากไปด้วย
- อาจขาดธาตุเหล็กทำให้ไขกระดูกต้องเร่งผลิตเม็ดเลือดแดงเพื่อให้การจับออกซิเจนของเลือดมีความพอเพียงแม้เกล็ดเลือดจะมิได้ใช้เหล็กเป็นองค์ประกอบสำคัญแต่เกร็ดเลือดก็ต้องพลอยถูกผลิตออกมามากต่ำเม็ดเลือดแดงไปด้วย
หากคุณเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์และอยากอ่านเกี่ยวกับหัวข้อนี้เพิ่มเติม สามารถสนับสนุนผู้แต่ง (พลเอกประสาร เปรมะสกุล) ได้โดยการซื้อหนังสือ (คู่มือแปลผลการตรวจเลือด)