September 26, 2018 00:04
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. กินยาคุมตรงเวลาเสมอ17.30น. แต่วันนี้ท้องเสียตอน5ทุ่มนิดๆ
หากการถ่ายเหลวไม่ได้รุนแรงและเป็นต่อเนื่องกันเกิน 24 ชั่วโมงก็ไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่มีผลกระทบกับประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดที่รับประทานค่ะ
2. แล้วมีตกขาวดังรูป ไม่มีกลิ่น หมายความว่ายังไงคะ
หากมีตกขาวไม่มาก ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นคาวหรือกลิ่นรุนแรง ไม่แสบหรือคันช่องคลอด ไม่ปวดท้องรุนแรง ก็แนะนำให้รอดูไปก่อนนะคะ เพราะอาจเป็นตกขาวจากฮอร์โมนได้ค่ะ
แต่ถ้ามีอาการผิดปกติใด ๆ ตามที่กล่าวมาร่วมด้วย ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ
3. วันที่13กันยามีพสพ.แฟนเผลอหลั่งใน
กลไกหลักของยาคุมกำเนิดที่ใช้ คือไปยับยั้งการตกไข่ค่ะ ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ จะมีประสิทธิภาพสูง ยับยั้งไข่ตกได้ใกล้เคียง 100% และเมื่อไม่มีไข่ตกออกมา ต่อให้มีเพศสัมพันธ์หลั่งในที่ทำให้อสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้มาก หรือจะหลั่งนอกที่ทำให้อสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้น้อยกว่า หรือจะใช้ถุงยางอนามัยที่แทบจะทำให้อสุจิเข้าไปในช่องคลอดไม่ได้เลย ก็ไม่แตกต่างกันค่ะ เพราะอสุจิไม่สามารถผสมกับไข่ได้อยู่ดี จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์นั่นเอง
ดังนั้น ถ้ามีผลคุมกำเนิดจากยาคุมอยู่ สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้เลยนะคะ
4. ถ้าจะฝังยาคุม ควรหยุดกินยาแบบแผงเลยมั้ยคะ
สามารถทำได้ 2 วิธีค่ะ คือ
- วิธีที่ 1 ใช้ยาคุม "ซูซี่ 28" ต่อไปเรื่อย ๆ รอให้ประจำเดือนมาก่อน แล้วไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อฝังยาคุมภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน ตามแนวทางของ WHO 2016 (แต่แนวทางของ US CDC 2016 แนะนำภายใน 5 วัน) จะมั่นได้แน่นอนว่าไม่มีการตั้งครรภ์ก่อนฝังยาคุม และถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยหลังฝังยาคุมเรียบร้อยแล้วค่ะ และไม่จำเป็นจะต้องรับประทานเม็ดแป้งที่เหลือของยาคุม "ซูซี่ 28" นะคะ
- วิธีที่ 2 ถ้ามีการใช้ยาคุมถูกต้องและต่อเนื่องมาโดยตลอด จะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก หากต้องการเปลี่ยนไปใช้ยาฝังคุมกำเนิดก็ไม่ต้องรอให้ยาคุม "ซูซี่ 28" หมดแผงค่ะ ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเม็ดแป้งของแผงด้วยนะคะ แต่ให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อปรึกษาการฝังยาคุมกำเนิดได้เลย เมื่อฝังยาคุมแล้วก็ไม่ต้องรับประทานยาคุมที่เหลือต่อแล้ว ถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกัน มีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ
แต่วิธีนี้อาจทำให้ไม่มีประจำเดือนมาในรอบนี้นะคะ ส่วนรอบต่อ ๆ ไปก็อาจไม่มีประจำเดือนได้เช่นกันค่ะ เป็นผลข้างเคียงของยาฝังคุมกำเนิดนั่นเอง
5. ถ้าฝังแล้วมีผลข้างเคียง ประจำเดือนไม่มา จะแก้ได้มั้ยคะ
ฮอร์โมนในยาฝังคุมกำเนิด ไม่ได้ทำให้เยื่อบุมดลูกหนาตัวขึ้น และไม่มีช่วงปลอดฮอร์โมนเพราะจะมีการปลดปล่อยตัวยาออกมาตลอดทุกวัน จึงไม่เกิดการหลุดลอกของเยื่อบุมดลูกและทำให้ไม่มีประจำเดือน
นั่นก็คือเยื่อบุมดลูกบางก็เลยไม่หลุดลอก ไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติ ไม่มีอันตราย ไม่ใช่การอั้นเลือดเสียไว้ในตัวค่ะ ดังนั้น ไม่จำเป็นจะต้องรักษาผลข้างเคียงนี้เลยนะคะ แม้จะแก้ไขก็ได้ผลไม่ยั่งยืนค่ะ เพราะเป็นผลของยาฝังคุมกำเนิดเอง หากยังใช้ต่อก็จะพบได้เรื่อย ๆ ดังนั้น หากคิดว่ารับผลข้างเคียงนี้ไม่ได้ แนะนำให้ใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ แทนนะคะ
6. เคยเห็นข่าวว่าฝังแล้วน้ำหนักขึ้นเยอะมาก มีวิธีแก้มั้ยคะ
ตามทฤษฎี ผลของฮอร์โมนคุมกำเนิดทุกชนิด ไม่เฉพาะยาฝังคุมกำเนิด อาจทำให้เจริญอาหารมากขึ้น หรือเบื่ออาหารได้ค่ะ อาจพบมากหรือน้อยแล้วแต่ยาและผลตอบสนองของผู้ใช้แต่ละราย บางคนใช้แล้วน้ำหนักขึ้น บางคนน้ำหนักลด และบางคนไม่เปลี่ยนแปลง
ดังนั้น หากควบคุมการรับประทานอาหารให้เหมือนเดิม และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ
7. ถ้าฝังยาคุมแล้วสามารถฉีดวิตามินผิวได้มั้ยคะ
ไม่ทราบว่าหมายถึงยาตัวใด แต่ถ้าไม่ใช่ยาบางตัวในกลุ่มยากันชัก, ยารักษาวัณโรค, ยาต้านไวรัสเอดส์ หรือสมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต ก็ไม่ได้มีผลกระทบเมื่อใช้ร่วมกันค่ะ
8. ระหว่างฝังยากับฉีดยาแบบ1เดือน/3เดือน แบบไหนดีกว่ากันคะ
- ในแง่ประสิทธิภาพ ยาฝังคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพสูงกว่ามากค่ะ ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.05% ในขณะที่ยาฉีดคุมกำเนิดมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 0.2 - 6%
- ในแง่ความสะดวกในการใช้ เนื่องจากยาฝังคุมกำเนิดมีผลคุมกำเนิดได้นาน 3 หรือ 5 ปี (ขึ้นกับชนิดของยาที่ใช้) จึงสะดวกกว่ายาฉีดคุมกำเนิดที่ต้องฉีดทุก 1 เดือน หรือ 3 เดือน (ขึ้นกับชนิดของยาที่ใช้เช่นกัน)
- การกลับมามีไข่ตกและพร้อมตั้งครรภ์ ยาฉีดชนิด 1 เดือนและยาฝังคุมกำเนิดจะมีไข่ตกและพร้อมตั้งครรภ์ได้เร็วหลังหยุดใช้ แต่ยาฉีดชนิด 3 เดือนอาจใช้เวลานานหลายเดือน อย่างไรก็ตาม แม้จะช้า แต่อัตราการตั้งครรภ์ภายใน 1 ปีก็ไม่แตกต่างกันมากค่ะ
- ผลข้างเคียง ยาฝังคุมกำเนิดและยาฉีดชนิด 3 เดือน เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว จึงมีผลข้างเคียงเด่น ๆ คล้ายกันค่ะ คือมีเลือดกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือน, สิว, น้ำหนักเปลี่ยนแปลง
ส่วนยาฉีดชนิด 1 เดือน เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (มีทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสติน) นอกจากผลข้างเคียงจากโปรเจสตินที่กล่าวมาแล้ว (ยกเว้นเรื่องเลือดกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือน) ก็ยังมีผลข้างจากเอสโตรเจนเพิ่มมาด้วย ที่พบได้บ่อยก็คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ บวมน้ำ ฝ้า (มากน้อยไปตามชนิดของฮอร์โมนในยาคุมแต่ละยี่ห้อ)
จะเห็นได้ว่ายาคุมชนิดฮอร์โมนรวมมีฮอร์โมน 2 ชนิด ก็มีผลข้างเคียงมากกว่ายาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวนะคะ แต่ว่าผลข้างเคียงของยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวเกี่ยวกับประจำเดือน มักจะเป็นผลข้างเคียงที่ผู้ใช้ไม่พึงพอใจมากกว่า ทำให้ได้รับความนิยมน้อยกว่าค่ะ
ควรจะใช้วิธีใดในการคุมกำเนิด จะต้องพิจารณาด้วยว่าผู้ถามมีข้อจำกัดที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้เอสโตรเจนหรือไม่ โดยปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนใช้นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
-กินยาคุมแผงซูซี่28ค่ะ ตอนนี้เม็ดที่18 กินหลายแผงแล้วค่ะ น่าจะเกิน10 กินตรงเวลาเสมอ17.30น. แต่วันนี้ท้องเสียตอน5ทุ่มนิดๆ แล้วมีตกขาวดังรูป ไม่มีกลิ่น หมายความว่ายังไงคะ (วันที่13กันยามีพสพ.แฟนเผลอหลั่งใน) -ถ้าจะฝังยาคุม ควรหยุดกินยาแบบแผงเลยมั้ยคะ -ถ้าฝังแล้วมีผลข้างเคียง ประจำเดือนไม่มา จะแก้ได้มั้ยคะ -เคยเห็นข่าวว่าฝังแล้วน้ำหนักขึ้นเยอะมาก มีวิธีแก้มั้ยคะ -ถ้าฝังยาคุมแล้วสามารถฉีดวิตามินผิวได้มั้ยคะ -ระหว่างฝังยากับฉีดยาแบบ1เดือน/3เดือน แบบไหนดีกว่ากันคะ ขอบคุณค่ะ^^
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)