กิทานยาคุมแล้วประจำเดือนไม่มาแต่มีเลือดซึมออกมาพอติดกางเกงในจะเป็นอะไรใหมค่ะแล้วประจำเดือนจะมาตรงมั้ยค่ะ

สวัสดีครับ
ในช่วงที่รับประทานยาคุมประจำเดือนควรจะมาในช่วงเวลาดังนี้ครับ
- ถ้าหากรับประทานยาคุมชนิด 21 เม็ด ประจำเดือนก็ควรจะมาในช่วงที่เว้นการรับประทานยา 7 วันก่อนเริ่มยาแผงใหม่
- ถ้าหากรับประทานยาคุมชนิด 28 เม็ด ประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้ง 4-7 เม็ดสุดท้ายของแผงขึ้นอยู่กับยี่ห้อของยา

ในกรณีที่ประจำเดือนไม่มาในช่วงเวลาข้างต้น หมอก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูโดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ก่อน ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานยาคุมต่อไปได้ครับ

ทั้งนี้ถ้าหากในรอบเดือนต่อไปประจำเดือนก็ยังไม่มาอีกเช่นเดิมก็ควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุครับ

หากไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง หยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอยนั้นน่าจะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมค่ะ

ซึ่งถ้า "ยาคุม" ที่ผู้ถามใช้ คือ "ยาคุมฉุกเฉิน" หากไม่มีการตั้งครรภ์ ก็น่าจะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร

แต่ถ้า "ยาคุม" ที่ผู้ถามใช้ คือ "ยาคุมรายเดือน" หากใช้ถูกต้องและไม่มีการตั้งครรภ์ ก็น่าจะมีประจำเดือนมาหลังจากที่ใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ผู้ใช้จึงจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่าง 7 วันหลังใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ดหมดแผง หรือมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 28 เม็ดนั่นเองค่ะ

อย่างไรก็ตาม หากกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ โดยเฉพาะถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามที่กล่าวไปข้างต้น สามารถตรวจให้ชัดเจนได้นะคะ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

การมีเลือดออกกระปริดกระปรอย สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงเริ่มกินยาคุมกำเนิดใหม่ๆ (ช่วง 3 เดือนแรก) โดยประจำเดือนจะมาตรงครับ ซึ่งไม่เป็นอันตรายครับ ถ้ายังมีเลือดออกผิดปกติอยู่มากและนาน อาจเป็นจากสาเหตุอื่นๆครับ เช่น ภาวะเครียด, การผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด, เริ่มมีประจำเดือนหรือใกล้หมดประจำเดือน, ติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ปากมดลูก อุ้งเชิงกราน, กินยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมน จนกระทั่ง มะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นต้น

แนะนำให้ไปพบสูตินารีแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ และอาจตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจภายใน ป้ายน้ำ/ตกขาวทางช่องคลอดไปตรวจ ตรวจเลือด ตรวจอัลตราซาวน์ หรือขูดมดลูกไปตรวจถ้าจำเป็นครับ