February 27, 2019 21:19
ตอบโดย
อนรรฆวี ฉง (พญ.)
จากที่หมออ่านดูหมอเป็นกำลังใจให้หนูนะคะ หนูเป็นคนที่เก่งมากที่สามารถเผชิญปัญหาในขณะที่อายุยังน้อย ถือว่าเป็นคนเก่งคนนึงเลย ส่วนการจะประเมิณเรื่องภาวะซึมเศร้าส่วนมากจะมีแบบสอบถามให้หนูทำเพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าดังนี้ค่ะ
อาการโรคซึมเศร้า ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ 5 อาการหรือมากกว่า
1มีอารมณ์ซึมเศร้า (ในเด็กและวัยรุ่นอาจเป็นอารมณ์หงุดหงิดก็ได้)
2ความสนใจหรือความเพลินใจในกิจกรรมต่างๆ แทบทั้งหมดลดลงอย่างมาก
3น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก (น้ำหนักเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน) หรือมีการเบื่ออาหารหรือเจริญอาหารมาก
4นอนไม่หลับ หรือหลับมากไป
5กระวนกระวาย อยู่ไม่สุข หรือเชื่องช้าลง
6อ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง
7รู้สึกตนเองไร้ค่า
8สมาธิลดลง ใจลอย หรือลังเลใจไปหมด
9คิดเรื่องการตาย คิดอยากตาย
*ต้องมีอาการในข้อ 1 หรือ 2 อย่างน้อย 1 ข้อ
* ต้องมีอาการเป็นอยู่นาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป และต้องมีอาการเหล่านี้อยู่เกือบตลอดเวลา แทบทุกวัน ไม่ใช่เป็นๆ หายๆ เป็นเพียงแค่วันสองวันหายไปแล้วกลับมาเป็นใหม่
หรือลองทำแบบทดสอบตามlinkนี้นะคะ http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าทำแบบทดสอบแล้วเข้าได้กับโรคซึมเศร้า หมอแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อรับการประเมินและรักษาเพิ่มเติมค่ะ การเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่เป็นเป็นคนอ่อนแอ คิดมาก หรือเป็นคนไม่สู้ปัญหา เอาแต่ท้อแท้ ซึมเซา แต่ที่มีอาการนั้นเป็นเพราะตัวโรค ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม โรคก็จะทุเลาลง ก็จะกลับมาเป็นผู้ที่มีจิตใจแจ่มใส พร้อมจะทำกิจวัตรต่างๆได้เหมือนเดิมค่ะ หมอเป็นกำลังใจให้นะคะ แนะนำให้ไปพบแพทย์ในเวลาราชการค่ะ แต่หากหนูมีภาวะเครียดรุนแรง อยากทำร้ายตนเอง/ทำร้ายผู้อื่นหรือหูแว่ว แนะนำให้หนูไป รพ ฉุกเฉินได้เลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
เบื้องต้นแนะนำให้ หาเวลาออกกำลังกาย เช่น วิ่ง เต้นแอโรบิค, ดูภาพยนตร์ตลกหรืออ่านหนังสือการ์ตูนตลก, ระบายผ่อนคลายความเครียดบ้าง เช่น ร้องไห้ ตะโกน เขียนระบายความรู้สึก, พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ จะทำให้ลดความเครียด ความกังวลได้ครับ และสุดท้ายคือ มองโลกในแง่ดี คิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ครับ ส่วนโทรปรึกษาจะมีสายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323 ได้ครับ
ดีที่สุดน่าจะไปพบแพทย์เฉพาะทาง ทางด้านจิตใจ(จิตแพทย์)โดยเฉพาะครับ เพราะจะได้วินิจฉัยแยกโรคอื่นๆที่มีอาการคล้ายกัน เช่น ภาวะเศร้าการปรับตัวไม่ได้จากปัญหาที่มากระทบจิตใจ หรือ ภาวะวิตกกังวลครับ และคุณหมอจิตแพทย์จะชำนาญในการรักษาและให้ยา อีกทั้งจะได้ให้คำแนะนำและติดตามอาการครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
เห็นด้วยกับคุณหมอนะครับที่เห็นว่าน้องเป็นคนที่มีความอดทนที่สามารถเผชิญกับปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ ก่อนอื่นก็อาจจะต้องขอแสดงความเสียใจในเรืองของคุณพ่อด้วยนะครับ ซึ่งตรงนี้มันก็ทำให้ตัวน้องเองไม่ได้มีใครที่เป็นที่พึ่งพาทางจิตใจได้เลย เพราะคุณแม่เองก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ผสมกับการที่ตัวน้องต้องถูกคนในบ้านคนอื่นๆทำร้ายด้วยคำพูดเหล่านี้ซ้ำๆ ก็ไม่แปลกนะครับที่จะทำให้เกิดอาการเศร้าหรืออยากร้องไห้ หรืออยากหนีออกไปอยู่คนเดียว แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่จะทำอะไรก็อยากให้ลองทบทวนดูให้ดีก่อนถึงผลดี ผลเสียที่จะตามมานะครับ
ในเบื้องต้นหากคุณแม่เป็นทางหนึ่งที่น้องสามารถพูดคุยได้ก็อยากให้ลองระบายให้เขาฟังบ้างก็ได้ครับ ลองหากิจกรรมบางอย่างทำที่จะทำให้เราไม่ต้องไปจดจ่ออยู่กับคำพูดที่ไม่ดีจากญาติคนอื่นๆ ลองหางานอดิเรก หรือการออกกำลังกายก็ได้ครับ เพราะตรงส่วนนี้หากทำเป็นกิจวัตรได้ก็จะมีประโยชน์กับตัวหนูเองในระยะยาว นอกจากนั้นแล้วอาจจะลองหาเพื่อนหรือคนที่สนิทใจด้วยทำการพูดคุยกับเขาก็ได้นะครับ พยายามตั้งใจเรียนและเมื่อโตขึ้นก็จะได้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือเข้าไปทำงานที่ต้องการได้เมื่อนั่นตัวหนูก็จะสามารถมีอิสระในการเลือกใช้ชีวิตแบบที่ต้องการได้ครับ
ในช่วงนี้หากรู้สึกว่าต้องการคนให้พูดคุยหรือต้องการที่ระบายหรือความช่วยเหลือต่างๆ การเข้าหาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำได้นะครับ ในกรณีที่ไม่ได้มีทุน หรือมีข้อจำกัดในเรื่องของค่าใช้จ่าย ลองตรวจสอบสิทธิประกันสังคมของตนเองดูได้เลยนะครับ จากลิ้งค์ด้านล่างนี้
http://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml
เมื่อรู้ว่าตนเองมีสิทธิประกันสังคมอยู่ที่ใด ก็ให้เริ่มเข้าไปติดต่อที่คลีนิกหรือโรงพยาบาลที่มีสิทธิอยู่ก็จะทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากครับ แต่หากโรงพยาบาลหรือคลีนิกนั้นไม่มีจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาอยู่ ทางคลีนิกสามารถออกใบส่งตัวให้ตัวน้องไปรับบริการได้จากโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์อยู่โดยใช้สิทธิประกันสุขภาพที่มีอยู่ครับทำให้เสียค่าใช้จ่ายที่น้อยหรือแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยครับ แต่ก็อาจจะต้องระวังไม่ไปคลีนิกนอกเวลาที่อาจจะต้องทำให้มีค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มขึ้นครับ
อีกทางเลือกหนึ่งก็คือสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ที่เป็นบริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ที่จะช่วยให้คุณสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการดูแลสุขภาพจิตนะครับ ซึ่งสายด่วนตรงนี้เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงแต่อาจจะต้องมีการรอสายนานบ้างเป็นบางช่วงเวลาครับ
สุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ตัวน้องสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาตรงนี้ไปให้ได้นะครับและหากมีคำถามเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
เบื้องต้นลองทำแบบประเมินซึมเศร้าด้วยตัวเองดูก่อนนะคะ โดยในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้มีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน
ไม่มีเลย 0 คะแนน
มี 1-7 วัน 1 คะแนน
≥7 วัน 2 คะแนน
ทุกวัน 3 คะแนน
1. เบื่อหน่าย ไม่สนใจอยากจะทำอะไร
2. ไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้
3. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
4. เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย
5. เบื่ออาหาร หรือ กินได้มาก กินจุบจิบตลอดเวลา
6. รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าล้มเหลว หรือคิดว่าทำให้ตนเองและครอบครัวผิดหวัง
7. ขาดสมาธิ เหม่อลอย ขี้ลืมบ่อย
8. ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
9. คิดทำร้ายตัวเอง อยากตาย หรือตายไปจะดีกว่า
จากนั้นรวมคะแนน หากได้มากกว่า 7 คะแนนขึ้นไป อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นซึมเศร้าได้ค่ะ แนะนำให้พบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางโรคจะช่วยให้อาการดีขึ้น ปรับตัวได้มากขึ้น ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติอีกครั้งนะคะ
ในกรณีของหนูพี่อยากแนะนำให้หนูจัดการกับความรู้สึกกดดันเหล่านั้นด้วยการปรับความคิดใหม่นะคะ เช่น ใครจะด่าว่ายังไงเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา อยากให้หนูโฟกัสที่ตัวเอง หน้าที่ของหนูคือเรียนหนังสือ เรียนจบแล้วมีอาชีพและหาเลี้ยงตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร หากกำหนดความคิดของเราได้ สภาพจิตใจหนูก็จะเข้มแข็ง ใครมาด่ามาว่าก็ไม่ทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ แต่หากหนูคิดตามที่เขาด่าว่า จิตใจและความรู้สึกของหนูก็จะหวั่นไหวไปคำคำพูดเหล่านั้นทำให้หนูรู้สึกเป็นทุกข์ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของหนู และอาจทำให้ชีวิตของหนูไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หนูเป็นคนที่รู้สึกว่าตัวเองอาจเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน หนุเป็นคนที่โดนทางบ้านกำหนดชีวิตตลอดคะแต่เค้าก็ปล่อยหนูเที่ยวบ้างคะ พ่อหนูเสียประมาณ2ปีได้แล้วค้ะหลังจากที่พ่อหนูเสียญาติของพวกหนูเค้าเริ่มด่าพวกเราค้ะเริ่มด่าครอบครัวของเราเวลาหนูไปโรงเรียนบางครั้งหนูก็คิดว่าถ้าได้อยู่คนเดียวคงดีอยากอยู่ที่เงียบๆไม่มีเสียง หนูเป็นพวกเก็บกด อยากย้ายโรงเรียนค้ะหนูอยากอยู่ให้ไกลจากที่บ้าน รู้สึกหดหู่เวลาแม่ถามหนูว่าทำไมอยากย้ายโรงเรียนหนูตอบว่าไม่อยากอยู่บ้าน มีแต่คนด่าพวกเรา ทนไม่ได้พอพูดอย่างนั้นก็เริ่มรู้สึกอยากร้องไห้หนูอยากหาที่เงียบๆเป็นที่ปลดปล่อย(แม่หนูเค้าหนีพ่อไปประมาณ3-4ปีได้แล้วค้ะหลังจากพ่อเสียเค้าก็กลับมาอยู่กับเราค้ะอยู่ได้ประมาณเดือนกว่าแม่หนูก็ย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพค้ะ)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)