September 24, 2018 20:19
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ ขอตอบเป็นข้อๆนะคะ
1.สำหรับอาการประจำเดือนไม่มา
ถ้าคนไข้มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ก็อาจตั้งครรภ์ได้ เบื้องต้นแนะนำว่า ให้ตรวจการตั้งครรภ์ก่อนนะคะ โดยการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะด้วยตนเอง สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ
-ถ้าคนไข้ไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เลยหรือตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์ปัจจัยที่จะทำให้ประจำเดือนที่เคยมา แล้วไม่มา หรือผิดปกติ มีหลายอย่างค่ะ ตัวอย่าง เช่น
1.ความเครียด การอดอาหารนานๆ และการออกกำลังกายอยางหักโหมมากเกินไป ทำให้ประจำเดือนขาดได้ค่ะ พบได้บ่อยที่สุด
2.การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด แบบฉีด หรือยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช
3.โรคทางระบบสืบพันธ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ ( PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้
4.ฮอร์โมน ไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งจะต้องทีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือ ฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ อาจทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มา หรือมาแบบกระปริบกระปรอย เป็นต้นค่ะ
5. โรคทางการกินที่ผิดปกติ (anorexia) ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง หากอดอาหาร หรือทานอาหารไม่ถูกวิธีนานๆ จะทำให้ขาดประจำเดือนได้ค่ะ
2. การออกกำลังกายหนักๆ อาจเป็นสาเหตุให้ประจำเดือนไม่มาได้ แต่ถ้าการเล่นฮูลาฮูป ใช้เวลาแต่พอดี ไม่อธิบายสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาค่ะ
3.ยาลดความอ้วน เป็นยาอันตรายนะคะ ไม่แนะนำให้รับประทาน อาจมีผลต่อทั้งประจำเดือนและระบบอื่นๆของร่างกายด้วยค่ะ
ก่อนอื่นเลยนะคะ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การลดน้ำหนักที่ปลอดภัย มักไม่มีทางลัดค่ะ ผู้ที่ต้องการจะลดน้ำหนัก จะต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายทุกคน แค่อาจจะมีตัวช่วยได้บ้างในกรณีที่อ้วนมาก จนมีผลแทรกซ้อน ได้แก่ การหยุดหายใจขณะหลับ การเคลื่อนไหวร่างกาย โรคหัวใจ โรคสมอง คุณหมอจะพิจารณา ให้ผ่าตัด หรือให้ยาบางชนิด (ยาที่ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัยสำหรับการลดน้ำหนักในปัจจุบันมีชนิดเดียว ซึ่งต้องรับประทานภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น) ร่วมกับการคุมอาหารและออกกำบังกายเช่นกัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักหลายชนิด ไม่ได้มีการทำวิจัยหรือมีผลการวิจัยยืนยันแน่นอนว่าปลอดภัย รวมถึงยาที่รับประทานต่างๆ อาจผสมสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยหวังเอาผลข้างเคียงของยานั้นมาใช้ในการลดน้ำหนัก ตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาถ่าย ยาติตเวชต่างๆ รวมไปถึงยาแอมเฟตามีน ซึ่งยาเหล่านี้ สามารถลดน้ำหนักได้จริง แต่จะมาพร้อมผลข้างเคียงอื่นๆอีกมากมาย บางทีร้ายแรงถึงชีวิต เช่น ใจสั่น เกลือแร่ผิดปกติอย่างมาก กระดูกพรุน หัวใจวาย ติดยา อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ มีความผิดปกติของสารสื่อประสาท สุญเสียการทำงานของสมดุลร่างกายอย่างมากคะ ดังนั้น ไม่แนะนำให้ซื้อยายาลดน้ำหนักกินเองทุกชนิดค่ะ ต่อไปนี้ หากไม่ได้ศึกษาส่วนประกอบของยาที่ชัดเจน อย่าหลงเชื่อคำโฆษณานะคะ แม้เป็นสมุนไพร ก็อาจทำร้ายร่างกายได้ เช่น ผลกระทบต่อฮอร์โมนต่างๆ ค่อมหมวกไต สารสื่อประสาทได้ค่ะ หันมาลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยกันดีกว่าค่ะ
ดังนั้น แนะนำให้หยุดยาลดความอ้วน หากมีอาการต่างๆ ที่ไม่ดีขึ้น และไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและตรวจฮอร์โมนกับเกลือแร่ในเลือดด้วยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ พอดีว่าประจำเดือนไม่มาประมาณ3เดือนแล้ว ปกติก็เป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ไม่มาเดือน2เดือนบ้าง ไม่มีอาการอะไรเลยค่ะ เป็นมาตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนช่วงแรก จนมาถึงตอนนี้อายุ19ค่ะ ไม่ปวดท้องหรือมีอาการอะไรเลยค่ะ แต่ช่วงนี้สิวขึ้นตรงคางและหน้าผากเยอะกว่าปกติ ไม่รู้ว่าใกล้จะเป็นประจำเดือนรึป่าว ไม่ทราบว่า การเล่นฮูล่าฮุปบ่อยๆเกือบทุกวันจะมีผลไหมคะ ? แล้วการกินพวกอาหารเสริมลดน้ำหนัก เกี่ยวไหมคะ? ปกติเป็นคนไม่เคลียดนะคะ แต่อาจจะมีพักผ่อนน้อยบ้าง ตอนนี้เริ่มกังวลแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นโรคไรรึป่าว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)