สังเกตุตัวเองมานานหลายปีแล้วค่ะ ทำไมถึงร้องไห้ง่ายกว่าคนอื่น แม้แต่กับเรื่องธรรมดาๆ เช่น ฝากพ่อซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้ แต่พ่อกลับดึก หนูหลับแล้วพ่อมาเคะประตูห้อง หนูตอบไปว่าง่วง ไม่กิน ซักพักได้ยินเสียงพ่อทำอะไรบ้างอย่าง ก็เลยเปิดประตูมาดู เห็นพ่อนั่งกินก๋วยเตี๋ยวคนเดียว โดยที่มีชามก๋วยเตี๋ยวของหนูกับแม่วางอยู่ด้วย แค่นี้จริงๆ หนูร้องไห้เลย(แม้แต่ตอนที่กำลังพิมพิ์) ล่าสุด กำลังจะกลับไปที่มหาลัย แม่ทำกับข้าวให้ไปกินที่หอพัก ปรากฏว่าลืมกิน จนกับข้าวมันเสียแล้ว หนูทิ้งกับข้าวทั้งน้ำตาเลย หนูรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องแค่นี้เองทำไมต้องร้องไห้ มันเป็นอาการทางจิตหรือเปล่าคะ เพื่อนบอกว่าหนูอ่อนแอเกินไป บางคนก็บอกว่าหนูป่วยทางจิต คุณหมอพอจะมีคำแนะนำไหมคะ ตอนนี้หนูใช้ชีวิตแบบขาดความมั่นใจ เพราะอะไรสะกิดนิดสะกิดหน่อย น้ำตาคลอเลยค่ะ ไม่อยากถูกเพื่อนล้อ อยากได้ความมั่นใจในการใช้ชีวิต ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ
การที่มีอาการร้องไห้ง่ายมากจนเกินไปนั้นถ้าหากเกิดขึ้นอยู่เป็นครั้งคราวตามเหตุการณ์ที่เข้ามากระตุ้นอารมณ์เศร้า ร้องไห้ในช่วงเวลาสั้นๆแล้วหยุดร้องได้เองก็อาจเป็นเพียงลักษณะบุคลิกภาพพื้นฐานเดิมเท่านั้นครับ แต่ถ้าหากการร้องไห้นั้รเกิดขึ้นติดต่อกันแทบทุกวัน และใช้เวลาไปกับการร้องไห้เป็นส่วนใหญ่ของวันก็อาจต้องระวังว่าอาจเกิดจากโรคซึมเศร้าได้ครับ

อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ

ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ

http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html

ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น

ไม่ว่าอาการที่เกิดขึ้นจะคล้ายคลึงกับการเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ แต่ถ้าหากอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตมาก หมอก็แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการก่อนได้ครับ เพื่อที่ตะได้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดและให้การรักษาแก้ไขที่เหมาะสมต่อไปครับ

ความรู้สึกอ่อนไหวง่าย เศร้าง่ายกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ หากมีอาการต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์ อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นซึมเศร้าก็เป็นไปได้นะคะ

ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ทำให้การรับรู้ ความคิด การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม หากเจอปัญหาหรือมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น

อาการของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง

หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้าควรพบจิตแพทย์ทันที ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม

การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิดอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆได้เหมาะสม ร่วมกับการทำจิตบำบัด จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจทำให้ปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ

ในระหว่างทำการรักษา ควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นนะคะ

ความรู้สึกอ่อนไหวง่าย เศร้าง่ายกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ หากมีอาการต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์ อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นซึมเศร้าก็เป็นไปได้นะคะ

ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ทำให้การรับรู้ ความคิด การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม หากเจอปัญหาหรือมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น

อาการของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง

หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้าควรพบจิตแพทย์ทันที ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม

การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิดอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆได้เหมาะสม ร่วมกับการทำจิตบำบัด จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจทำให้ปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ

ในระหว่างทำการรักษา ควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นนะคะ