สวัสดีค่ะ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. มีเพศสัมพันธ์ตอนช่วงเวลาตี 5.00 ค่ะ ใส่ถุงยาง แต่พอเสร็จกิจแล้วปรากฏว่าเจอมันหลุดเข้าไปอยู่ในช่องคลอด พอเอาออกมาก็ไม่มีน้ำอยู่ข้างในค่ะ แสดงว่าน้ำตอนที่แตกเข้าไปอยู่ในต้วเราแล้ว กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกไปตอนประมาณ 10 โมงเช้า อีกเม็ดนึงตอน 4 ทุ่มค่ะ ประจำเดือนรอบนี้มาวันที่ 22 ก.ค. หมดวันที่ 25 ก.ค. ค่ะ แต่เป็นคนรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ ประมาณ 30-32 วัน กินยาแล้วไม่มีผลข้างเคียงอะไร ไม่ได้รู้สึกคลื่นไส้ปวดหัวอะไรเลยค่ะ อยากรบกวนถามว่า - แบบนี้จะมีความเสี่ยงในการตั้งท้องมากไหมคะ? - สามารถตรวจปัสสาวะเพื่อดูการตั้งครรภ์ได้เมื่อไหร่? - ประจำเดือนรอบถัดไปจะมาตอนเวลาปกติใช่ไหมคะ หรือยาจะทำให้ประจำเดือนมาภายใน 1 อาทิตย์? ขอบคุณมากค่ะ

1. แบบนี้จะมีความเสี่ยงในการตั้งท้องมากไหมคะ?

เมื่อมีปัญหาถุงยางเลื่อนหลุด ก็ไม่มีผลป้องกันจากถุงยางที่ใช้แล้วนะคะ การที่ผู้ถามรับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็ว และใช้ครบขนาดตรงตามเวลาที่แนะนำ ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมแล้วค่ะ

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงนัก จึงยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% นะคะ

2. ประจำเดือนรอบถัดไปจะมาตอนเวลาปกติใช่ไหมคะ หรือยาจะทำให้ประจำเดือนมาภายใน 1 อาทิตย์?

ผลจากการศึกษาชี้ว่า ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินมากกว่า 90% จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อน (เร็วหรือช้าก็ได้) ไม่เกิน 4 วันค่ะ ซึ่งประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ

ส่วนเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยา เป็นเพียงหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัยค่ะ และเช่นเดียวกับผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่ คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ, เจ็บคัดตึงเต้านม หรือไม่สบายท้อง ที่อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่

ดังนั้น หากไม่มีการตั้งครรภ์ ประจำเดือนของผู้ถามก็น่าจะมาประมาณช่วงเวลาเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มากค่ะ และไม่ต้องตกใจหากจะมี หรือจะไม่มี เลือดกะปริบกะปรอยและผลข้างเคียงอื่น ๆ ภายใน 7 วันหลังรับประทานนะคะ

3. สามารถตรวจปัสสาวะเพื่อดูการตั้งครรภ์ได้เมื่อไหร่?

ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

ถ้าวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดคือ 28 กรกฎาคม หากไม่ต้องการรอดูประจำเดือน ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์หลังตื่นนอนตอนเช้า ปัสสาวะแรกของวัน ในวันที่ 11 สิงหาคม ได้นะคะ

ในกรณีของผู้ถามยังอยู่ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" ค่ะ แต่เนื่องจากความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ถือเป็น 24% ซึ่งสูงกว่าผลป้องกันของยาคุมฉุกเฉิน จึงไม่ได้กล่าวถึงไว้ในความเห็นแรกนะคะ

ซึ่งผู้ถามก็คงจะทราบอยู่แล้วว่าการป้องกันด้วยวิธีนับ "หน้า 7 - หลัง 7" ไม่ได้มีประสิทธิภาพสูง จึงได้เลือกป้องกันฉุกเฉินด้วยการรับประทานยาคุมฉุกเฉินตั้งแต่แรกเมื่อมีปัญหาการใช้ถุงยางนั่นเองใช่มั้ยคะ

ผู้ถามและแฟนป้องกันอย่างดีแล้วค่ะ โดยเลือกคุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานอย่างการใช้ถุงยางตั้งแต่แรก แทนการใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำและมีโอกาสผิดพลาดสูงอย่างการนับ "หน้า 7 - หลัง 7"

อีกทั้งเมื่อถุงยางเลื่อนหลุด ก็รีบรับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็ว และใช้อย่างถูกวิธี ทำให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากการป้องกันด้วยวิธีนี้แล้วนะคะ

ถ้าประจำเดือนของผู้ถามมาตรงเวลาสม่ำเสมอ ก็น่าจะมีความเสี่ยงไม่มากค่ะ เพราะมีโอกาสน้อยที่จะมีไข่ตกในช่วงเวลานั้น หรือต่อให้จะมี ยาคุมฉุกเฉินก็น่าจะชะลอการตกของไข่ได้ทันการณ์

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ค่ะ ดังนั้น หากผู้ถามกังวลใจมาก และต้องการวิธีป้องกันฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพสูงกว่านี้ แนะนำให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์เกี่ยวกับการคุมกำเนิดฉุกเฉินด้วยการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็ได้นะคะ เพราะจะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น และสามารถใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดปกติต่อได้อีก 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ค่ะ
..
..
..
สำหรับการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ หากใช้ชุดทดสอบถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจในเวลาที่เหมาะสมตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% (หรือตามที่ชุดทดสอบที่ใช้ให้การรับรอง) ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ