August 28, 2019 16:55
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
หากมีเพศสัมพันธ์อีกหลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ครบสองเม็ดหรือหลังกินเเบบเม็ดเดียว จะเป็นเป็นช่วงที่ฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินลดลง มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ
ปกติ ยาคุมฉุกเฉินใช้สำหรับลดโอกาสตั้งครรภ์ ในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งก่อนหน้าครับ
..............
ดังนั้นก็สามารถกินยาคุมฉุกเฉินอีกแผงได้ครับแต่อาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการข้างเคียงจากยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเต้านม เลือดประจำเดือนแปรปรวน หรือมีเลือดออกผิดปกติ ดังนั้นหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ต่อไปแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัย หรือรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดปกติทั่วไปครับ
...............
เเละเดือนนึงไม่ควรใช่ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเกินสองเเผงครับ
...............
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลรบกวนกระบวนการตกไข่ รบกวนการที่อสุจิจะเข้าไปผสมกับไข่ รวมทั้งส่งผลเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อทำให้ยากแก่การฝังตัวของไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว การรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แต่เป็นการไปลดโอกาสตั้งครรภ์ลงจากเดิม ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหากรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาเม็ดแรกภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุดครับ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์ครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา
หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
ระหว่างรอประจำเดือนจริงๆมา ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องคือประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
.........
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์ กรณีกินยาคุมฉุกเฉิน
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
หากมีช่วงที่ไม่ใส่ถุงยางอนามัย มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ
เบื้องต้น ไม่มีการคุมกำเนิดใดที่ให้ผลร้อยเปอร์เซนต์ครับ การรับประทานยาคุมฉุกเฉิน จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มาก แต่โอกาสการตั้งครรภ์ยังมีสูงกว่าการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง โดยวิธีอื่นๆครับ
การคุมกำเนิดโดยใช้วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินแนะนำให้ใช้เฉพาะผิดพลาดจริงๆเท่านั้น เช่น ถุงยางอนามัยขาด เป็นต้น ไม่แนะนำให้ใช่เป็นวิธีการคุมกำเนิดเพียงอย่างเดียวครับ
>> การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้อวกัน หากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90% (มีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 10-15%)
ดังในกรณีของคนไข้ครับ
>> ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
>>ถ้าคนไข้ต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติค่ะ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือ 14 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ หนูอายุ15 ตอนนั้นมีเพศสัมพันธ์แบบใส่ถุงแล้วก็ถอดถุงเสร็จก็ต่ออีกนิสค่ะ แล้วก็ทานยาคุมฉุกเฉินแบบ2 เม็ด รีบทานประมาณไม่เกิน1 ชม. เลยค่แล้วก็นับเวลาตั้งแต่ทาน12 ชม. ก็กินอีกเม็ดนึง แล้วก็มามีเพศสัมพันธ์อีกวันนึงไม่ได้ติดกันเว้นวันนึงอ่ะค่ะ สุมมุติมีวันที่26 แล้วก็มาอีกทีวันนี้ค่ะ รอบแรกก็ใส่ถุงเหมือนเดิมเลย รอบหลังถอดถุง เลยรีบไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาทานอีก คือรีบทานเลยอ่ะค่ะ แล้วพอทานได้ประมาณ3-5 นาที ท้องตึงๆ ปวดท้อง มันตึงทุกอย่างเลยค่ะ จะเป็นอะไรไหมคะ หรือมีผลกระทบอะไรที่ทานยาคุมบ่อย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)