September 01, 2019 09:11
ตอบโดย
พิมพกา ชวนะเวสน์ (สูตินรีแพทย์)
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ยิ่งกินเร็วเท่าไหร่ หลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งดีค่ะ โดยตามหลักการ ให้กินยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันยืดหยุ่นให้ถึง 120 ชั่วโมงแล้วค่ะ
อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉิน ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ดีไม่เท่า การคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ เช่น การกินยาคุมปกติค่ะ (ยาคุมปกติ ถ้ากินถูกวิธี ประสิทธิภาพคุมกำเนิด มากกว่า 95 % แต่คุมฉุกเฉิน อาจจะแค่ประมาณ 80% - 85%
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ แนะนำใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นค่ะ ใช้ยาคุมฉุกเฉิน เมื่อจำเป็นเท่านั้น
ยาคุมฉุกเฉิน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงขนาดสูงค่ะ สูงกว่าระดับธรรมชาติในร่างกาย หลังได้รับไปแล้วจะทำให้รอบเดือนแปรปรวนได้ค่ะ อาจจะบอกยากว่า เมนส์จะมาเมื่อไหร่
และด้วยความที่ฮอร์โมนสูง ก็ทำให้มีอาการข้างเคียงอื่นๆได้ เช่น คัดตึงเต้านม คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ
อย่างไรก็ตาม ถ้าถึงรอบเมนส์มาปกติ แล้วเมนส์ยังไม่มา ให้ลองตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์ดูค่ะ
ประจำเดือนไม่มา เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ
ก่อนอื่นต้องเช็คเรื่องการตั้งครรภ์ก่อนค่ะ
ถ้าไม่ตั้งครรภ์
โดยทั่วไป จะถือว่าเป็น ภาวะไม่มีประจำเดือน (Amenorrhea) เมื่อประจำเดือนขาดหายไป ต่อเนื่องกัน 3 เดือนค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้จำเป็นต้องไปพบแพทย์ เพื่อซักประวัติอย่างละเอียด ตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน เพื่อหาสาเหตุต่อไปค่ะ
ถ้าประจำเดือนขาดไปเพียงเดือนเดียว อาจเกิดจาก ความแปรปรวนของฮอร์โมน ไข่ไม่ตกในเดือนนั้น อาจสังเกตต่อไปก่อนได้ค่ะ แต่ถ้าเดือนถัดๆไป ประจำเดือนยังไม่มาอีก ควรไปพบแพทย์
ถ้าสาเหตุของการไม่มีประจำเดือน เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ
1. มดลูก ปากมดลูก ผิดปกติ
2. รังไข่ผิดปกติ หรือ ไข่ไม่ตก
3. สาเหตุทางสมอง ทำให้ฮอร์โมนที่หลั่งจากสมอง มาควบคุมรังไข่ ผิดปกติไป เช่น การที่น้ำหนักลดลงมาก ออกกำลัยการหนักๆ หรือมีความเครียด ก็ทำให้ฮอร์โมนที่หลั่งจากสมองมาควบคุมรังไข่ผิดปกติได้ค่ะ ทำให้เมนส์ไม่มา
อย่างไรก็ตาม การจะทราบแน่ชัด ว่าเมนส์ไม่มาจากสาเหตุใดนั้น ต้องหาสาเหตุโดยแพทย์ เพราะต้องตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และ อาจต้องเจาะเลือดเพื่อดูฮอร์โมนเพิ่มเติมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
เบื้องต้น ไม่มีการคุมกำเนิดใดที่ให้ผลร้อยเปอร์เซนต์ครับ การรับประทานยาคุมฉุกเฉิน จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มาก แต่โอกาสการตั้งครรภ์ยังมีสูงกว่าการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง โดยวิธีอื่นๆครับ
การคุมกำเนิดโดยใช้วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินแนะนำให้ใช้เฉพาะผิดพลาดจริงๆเท่านั้น เช่น ถุงยางอนามัยขาด เป็นต้น ไม่แนะนำให้ใช่เป็นวิธีการคุมกำเนิดเพียงอย่างเดียวครับ
>> การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้อวกัน หากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90% (มีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 10-15%)
ดังในกรณีของคนไข้ครับ
>> ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
>>ถ้าคนไข้ต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติค่ะ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือ 14 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ยาคุมฉุกเฉิน ทำให้ประจำเดือนมาเร็วขึ้น หรือช้าลงได้ แต่เพียงเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นยาเร่งประจำเดือนให้มาเร็วครับ
ส่วนถ้าประจำเดือนไม่มาช่วงรอบเดือน เบื้องต้นแนะนำให้ซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเองมาทดสอบครับ โดยเก็บปัสสาวะหลังตื่นนอนซึ่งเป็นปัสสาวะใหม่ครับ
โดยถ้าผลลบแนะนำให้ทดสอบซ้ำอีกครั้งหลังจากครั้งแรกอย่างน้อย 2วัน ถึง1สัปดาห์ครับ (อาจเปลี่ยนยี่ห้อการตรวจครับ)
ถ้าไม่ตั้งครรภ์ การที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอนั้นอาจเกิดได้จากอีกหลายสาเหตุครับ เช่น
- มีปัญหาการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- รังไข่ผิดปกติ เช่น การมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่
- ความเครียด/วิตกกังวล/อารมณ์แปรปรวน
- การออกกำลังกายที่หนักไป
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยไป
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
เป็นต้นครับ
การปฏิบัติตัวแนะนำให้พักผ่อนมากๆ หลีกเลี่ยงความเครียด/ออกกำลังกายหักโหม พยายามลดน้ำหนัก ดีที่สุดอยากให้จดรอบประจำเดือน และไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คือหนูมีอะไรกับแฟนวันที่23หลั่งนอกแล้วก็กินยาคุมฉุกเฉินแบบ2เม็ดกินตามเวลาเป๊ะๆเลยนะคะ จนวันที่1แล้วประจำเดือนหนูยังไม่มาเลยค่ะ จะท้องหรือป่าวค่ะหรือเกิดจากสาเหตุอะไรที่ทำให้ประจำเดือนไม่มา
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)