กองบรรณาธิการ HonestDocs
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HonestDocs

แผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer)

เผยแพร่ครั้งแรก 16 ก.ย. 2019 อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 2021 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • แผลในกระเพาะอาหาร เป็นโรคที่ผู้ป่วยจะมีแผลเกิดขึ้นภายในกระเพาะอาหารซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อ การใช้ยาบางชนิด โรคประจำตัว การสูบบุหรี่ การบริโภคแอลกอฮอล์ แต่มักมีสาเหตุหลักมาจากกรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
  • อาการในโรคแผลในกระเพาะอาหารหลักๆ คือ ปวดจุกเสียดท้อง รวมถึงแสบท้อง คลื่นไส้อาเจียน เรอเปรี้ยว
  • โรคแผลในกระเพาะอาหารสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารทะลุ โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
  • มีข้อปฏิบัติหลายอย่างในระหว่างการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร เช่น หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด รวมถึงน้ำอัดลม กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ลดความเครียด มาพบแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจมะเร็งทั่วไป

โรคแผลเปปติก (Peptic ulcer) หรือเรียกทั่วไปว่า "โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric ulcer: GU)" และแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum) หรือเรียกได้ย่อๆ ได้อีกชื่อว่า "โรคพียู (PU) 

โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็นโรคที่มีสาเหตุหลักๆ มาจากกรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารหลั่งออกมาทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ถือเป็นโรคซึ่งพบได้มากในกลุ่มคนทั่วไปเช่นกัน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

สาเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหาร

ปัจจุบันพบว่าโรคแผลเปปติก มีสาเหตุได้จากปัจจัยต่อไปนี้

  • การติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori: H. pylori
  • การให้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal anti-inflammatory drugs: NSAIDs)
  • การได้รับยากลุ่มสเตียรอยด์ โดยเฉพาะเมื่อได้รับร่วมกับแอสไพริน หรือ NSAIDs เป็นระยะเวลานาน
  • ได้รับยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน (aspirin), clopidogrel, ticlopidine, warfarin 
  • ผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวร่วม เช่น โรคตับแข็ง (liver cirrhosis) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตวายเรื้อรัง (CRF) โรคเยื่อบุอักเสบ Behcet โรคโครห์น (Crohn's Disease)
  • การได้รับยาเคมีบำบัดบางชนิด หรือใช้สารเสพติดประเภทโคเคน (cocaine) 
  • การตัดเลาะติ่งเนื้องอก หรือโรคมะเร็งกระเพาะอาหารระยะต้นออกโดยผ่านการส่องกล้อง (Post-endoscopic submucosal dissection induced ulcer; Post-ESD induced ulcer)
  • การสูบบุหรี่ 

พยาธิสรีรวิทยาของการเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร

การที่จะเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้นได้นั้น ต้องมีสาเหตุทำให้เกิดการเสียสมดุลระหว่าง 2 ปัจจัยสำคัญบริเวณเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร ดังนี้

1. มีปัจจัยเร่งการทำลายเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร เช่น

  • ติดเชื้อแบคทีเรีย H. pylori
  • ใช้ยาแอสไพริน และ NSAIDs
  • ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง
  • มีภาวะที่ทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดไฮโดรคลอริก (HCL)
  • น้ำย่อยเพปซิน (pepsin) หรือสารอนุมูลอิสระมากเกินไป

2. เกิดความบกพร่องในปัจจัยที่ช่วยปกป้องและซ่อมแซมเยื่อบุผิวกระเพาะ เช่น

  • กระเพาะอาหารขาดสาร endogenous prostaglandins (โดยเฉพาะ PGE2)
  • มีภาวะที่ทำให้ผิวกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือก (gastric mucus) ลดลง
  • ผิวกระเพาะอาหารขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้เกิดความบกพร่องในการสร้างเยื่อบุผิว

อาการของโรคแผลในกระเพาะอาหาร

  • อาการปวดท้องบริเวณยอดอก หรือใต้ลิ้นปี่ เหนือสะดือ โดยมักสัมพันธ์กับมื้ออาหารเมื่อผู้ป่วยท้องว่าง ทำให้เกิดอาการปวดแสบ ปวดตื้อๆ จุกเสียดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องคล้ายกับอยากถ่ายอุจจาระ เรอเปรี้ยว 
  • หากเป็นแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น มักปวดท้องหลังรับประทานอาหาร 1-3 ชั่วโมง หรือขณะท้องว่าง ปวดตอนสายๆ บ่ายๆ เย็นๆ ตอนดึกจนนอนไม่หลับ หากรับประทานอาหาร ดื่มนม รับประทานยาลดกรด หรืออาเจียน อาการปวดจะดีขึ้น 
  • หากเป็นแผลกระเพาะอาหารมักปวดหลังอาหารประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง น้ำหนักจะลดจากการเบื่ออาหารและกลัวปวดท้อง
  • หากรับประทานอาหารที่ไขมันสูง ของมัน ของทอด มักมีอาการเรอ ท้องอืด แน่นท้อง 

ภาวะแทรกซ้อน

โรคแผลในกระเพาะอาหารทำให้เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงมากขึ้นได้ เช่น

  • เลือดออกในกระเพาะอาหาร (Upper GI Bleeding) มีอาการอาเจียนเป็นเลือดสด หน้ามืด วิงเวียน ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำแดงมีกลิ่นคาว 
  • กระเพาะอาหารทะลุ หรือฉีกขาด (Gastic perforation) มีอาการปวดท้องเฉียบพลันรุนแรง ท้องตึง แข็งเกร็ง ความดันโลหิตตก
  • กระเพาะอาหารอุดตัน มีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จมักอาเจียนบ่อยๆ น้ำหนักลดลง
  • โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

การวินิจฉัยโรค 

  • ถ่ายภาพรังสีกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยกลืนแป้งแบเรียม 
  • ใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ 
  • ตรวจหาการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร
  • ตัดชิ้นเนื้อพิสูจน์ (Biopsy)

การรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร 

แพทย์จะรักษาตามสาเหตุ ดังนี้

  • ให้ยาควบคุมการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร (antisecretory agents) ได้แก่ ยากลุ่ม proton pump inhibitors (PPIs) ยากลุ่ม H2-receptor antagonists (H2RA) หรือให้ยาปกป้อง และถนอมผิวกระเพาะอาหาร
  • หากมีอาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายดำ จะรักษาโดยการให้เลือด 
  • หากปวดท้องรุนแรงอาจต้องผ่าตัดด่วน 
  • หากพบเชื้ออาจต้องให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย ให้ยาปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้
  • ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ข้อควรปฏิบัติระหว่างการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร

  • รับประทานยารักษาแผลให้ตรงเวลา ครบจำนวนมื้อและครบระยะเวลา 8-12 สัปดาห์
  • เรียนรู้วิธีการปรับใช้ยาสำหรับบรรเทาอาการขณะที่มีอาการปวดท้อง
  • ศึกษา และสังเกตอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างการใช้ยา และควรปรึกษาแพทย์เมื่อสงสัยว่ามีอาการข้างเคียงดังกล่าวเกิดขึ้น
  • ระมัดระวังการใช้ยาอื่นๆ ร่วมกัน โดยเฉพาะยาแอสไพริน ยา NSAIDs ยาต้านเกล็ดเลือด ยาละลายลิ่มเลือด ยาสเตียรอยด์ เป็นต้น
  • รับประทานอาหารอ่อน แผลในกระเพาะอาหาร เป็นโรคที่ผู้ป่วยจะมีแผลเกิดขึ้นภายในกระเพาะอาหารซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อ การใช้ยาบางชนิด โรคประจำตัว การสูบบุหรี่ การบริโภคแอลกอฮอล์ แต่มักมีสาเหตุหลักมาจากกรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
    อาการในโรคแผลในกระเพาะอาหารหลักๆ คือ ปวดจุกเสียดท้อง รวมถึงแสบท้อง คลื่นไส้อาเจียน เรอเปรี้ยว
    โรคแผลในกระเพาะอาหารสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารทะลุ โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
    มีข้อปฏิบัติหลายอย่างในระหว่างการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร เช่น หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด รวมถึงน้ำอัดลม กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ลดความเครียด มาพบแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง
    เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจมะเร็งทั่วไป และย่อยง่ายในช่วงแรก เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ซุป ก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ใส่น้ำส้มสายชูและพริก หลีกเลี่ยงผักสดปริมาณสูง ควรรับประทานผักที่ผ่านความร้อนแล้วเพราะย่อยง่าย หลีกเลี่ยงผลไม้รสเปรี้ยวจัดและย่อยยาก และไม่ควรรับประทานผลไม้ตอนท้องว่าง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด อาหารหมักดอง หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม กาแฟเข้มข้น เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
  • ควรเลิกสูบบุหรี่ เพราะจะรบกวนการหายของแผล และลดประสิทธิภาพการกำจัดเชื้อ H. pylori
  • รับประทานอาหารให้ใกล้เคียงเวลาเดิม หากติดภารกิจควรรับประทานขนมหรือนมรองท้อง
  • ควรทำอารมณ์ให้แจ่มใสเบิกบาน ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเบาๆ ในช่วงแรก จากนั้นควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • มาตรวจตามนัดของแพทย์อย่างต่อเนื่อง และควรได้รับการตรวจส่องกล้อง EGD ซ้ำที่ 8-12 สัปดาห์ (โดยเฉพาะในผู้ที่มีแผลใหญ่หรือเป็นแผลที่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น) เพื่อช่วยยืนยันการหายของแผลก่อนจะหยุดการใช้ยา และเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าแผลที่เคยเป็นนั้นไม่ใช่แผลมะเร็ง
  • หากมีอาการที่ชวนสงสัยว่าเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคขึ้น ควรมาพบแพทย์ก่อนนัดเดิม

การป้องกันไม่ให้เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร

  • รับประทานอาหารเป็นเวลา
  • รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย 
  • รับประทานอาหารทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง แต่ละมื้อไม่ควรรับประทานให้อิ่มมาก 
  • งดสูบบุหรี่ 
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด 
  • งดชา กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำอัดลม 
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน ยา NSAIDs ยาสเตียรอยด์ หรือยารักษาโรคข้อกระดูกอักเสบทุกชนิด ถ้าจำเป็นต้องใช้ยากลุ่มนี้ควรปรึกษาแพทย์ 
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด อาหารที่มีกรดมาก เช่น อาหารหมักดอง
  • ผ่อนคลายความเครียดและความวิตกกังวล 
  • พักผ่อนให้เพียงพอ 
  • ระมัดระวังการใช้ยา

โรคแผลในกระเพาะอาหารสามารถรักษาให้หายขาดได้หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรรักษาแบบครึ่งๆ กลางๆ หรือหยุดการรักษาเมื่ออาการดีขึ้น เนื่องจากอาจกลายเป็นโรคเรื้อรังได้ 

นอกจากนี้ โรคแผลในกระเพาะอาหารที่รักษาช้าเกินไป ยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ และมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ยิ่งรักษาเร็ว โอกาสที่จะหายขาดก็ยิ่งมีมาก 

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจมะเร็งทั่วไป จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


14 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Peptic ulcer. Harvard Health. (Available via: https://www.health.harvard.edu/digestive-health/peptic-ulcer-overview)
What Causes Ulcers - Stomach Ulcer Symptoms. American Academy of Family Physicians. (Available via: https://familydoctor.org/condition/ulcers/)
Peptic Ulcer Disease. American Academy of Family Physicians (AAFP). (Available via: https://www.aafp.org/afp/2007/1001/p1005.html)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
โรคกระเพาะอาหารอักเสบรักษาให้หายขาดได้หรือไม่
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
อาการของโรคแสบร้อนกลางอกเกิดจากอะไรคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ชอบเป็นไหลย้อนตัองรักษาแบบไหนค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
อาการปวดท้องเหนือสะดือ คืออะไรคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
อาการเรอไม่หายสักทีตลอดเวลา6เดือนคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ชอบปวดท้องค่ะ ปวดท้องแบบ งง ๆ เป็นคนดื่มค่ะ ดื่มหนัก เวลาทานอะไรเข้าไปมาก ๆ ชอบจะปวดท้องแสบท้อง ท้องก็จะบวม ๆ ใหญ่ ๆ ขึ้นด้วยค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)